การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย |
|
ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย
คือ ช่วงอายุ แรกเกิด –
6 ปี เพราะการพัฒนาสมองของเด็กในวัยนี้จะพัฒนาไปถึง 80 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใหญ่
ครูควรจะจัดกิจกรรมที่เหมาะสมกับการพัฒนาสมองของเด็กปฐมวัย เด็กในวัยนี้จะมีการเรียนรู้ผ่านการเล่น
ครูจึงควรจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับพัฒนาการของเด็ก โดยผ่านการเล่น
เพื่อให้เด็กเรียนรู้อย่างมีความสุข จัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
ดูแลด้านสุขนิสัยและโภชนาการที่เหมาะสม
เด็กจึงจะพัฒนาศักยภาพทางสมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
|
|
|
|
การจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาศักยภาพทางสมองจำเป็นต้องคำนึงถึงกระบวนการทำงานของสมอง
และการทำงานให้ประสานสัมพันธ์กันของสมองซีกซ้ายและสมองซีกขวา ดังนี้
สมองซีกซ้ายจะควบคุมความมีเหตุผลเป็นการเรียนด้านภาษา จำนวนตัวเลข วิทยาศาสตร์ ตรรกศาสตร์ การคิดวิเคราะห์ สมองซีกขวาจะควบคุมด้านศิลปะ จินตนาการ ดนตรี ระยะ มิติ ความคิดสร้างสรรค์ ครูควรจัดการเรียนรู้ให้เด็กได้ใช้ความคิด โดยผสมผสานความสามารถของการใช้สมอง ทั้งสองซีกเข้าด้วยกันเพื่อให้มองทั้งสองซีกเสริมส่งซึ่งกันและกัน เด็กจะสามารถเรียนรู้ได้ดี เป็นผลงานที่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และสามารถแสดงความมีเหตุผลในผลงานชิ้นเดียวกัน การจัดกิจกรรมการเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัยควรคำนึงถึงสิ่งต่าง ๆ ดังนี้
1.การเคลื่อนไหวของร่างกาย การเดิน
การยืน การวิ่ง การเคลื่อนไหวไปในทิศทางต่าง ๆ
การเคลื่อนไหวอยู่กับที่และการเคลื่อนไหวเคลื่อนที่
2.การรู้จักหาเหตุผล ฝึกการสังเกต
เปรียบเทียบ การจัดหมวดหมู่ของในชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ขนาด ปริมาณ ตัวเลขต่าง
ๆ
3.มิติสัมพันธ์ การที่เด็กได้สัมผัสสิ่งต่าง
ๆ ที่เป็นของจริง เรียนรู้จากประสบการณ์ตรง การเข้าใจความสัมพันธ์ของระยะ ตำแหน่งและการมองเห็น
การสังเกตรายละเอียดของสิ่งต่าง ๆ รอบตัว เด็กจะสามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้
4.ภาษาและการสื่อสาร เป็นการใช้ภาษาสื่อสารโดยการปฏิบัติจริง
จากการพูด การฟังการอ่านและการเขียน การพูด การฟังนิทาน เด็กจะมีพัฒนาการทางภาษาที่ดีขึ้น
5.ดนตรีและจังหวะ ให้เด็กได้รู้จักฟังดนตรีแยกแยะเสียงต่าง
ๆ ร้องเพลง เล่นเครื่องดนตรี เป็นการฝึกให้เด็กได้รู้จักจังหวะดนตรี
6.การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
ฝึกการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในด้านการช่วยเหลือ เอื้อเฟื้อ แบ่งปันเข้าใจผู้อื่น เรียนรู้การทำงานร่วมกับผู้อื่น
ปฏิสัมพันธ์ในสังคมของมนุษย์เป็นรากฐานสำคัญของการเรียนรู้และสติปัญญา
บทบาทของผู้ปกครองที่ส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย
1.เปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้สิ่งต่าง
ๆ ด้วยการลงมือกระทำโดยผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5
2. ให้เด็กได้มีโอกาสพูดในสิ่งที่คิดและได้ลงมือกระทำในสิ่งที่ถูกต้อง 3.ผู้ปกครองต้องรับฟังในสิ่งที่เด็กพูดด้วยความตั้งใจและพยายามเข้าใจเด็ก 4.ให้เด็กได้สัมผัสกับธรรมชาติเพื่อเปิดโอกาสในการเรียนรู้ของเด็กได้กว้างมากขึ้น
การพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยนั้น
องค์ประกอบที่สำคัญ คือ อาหาร พันธุกรรม
สิ่งแวดล้อมต่าง ๆ และอีกประการหนึ่งที่สำคัญคือ การเปิดโอกาสให้เด็กได้ใช้ความคิดอย่างสม่ำเสมอ ให้เด็กได้มีโอกาสใช้ความคิดหลากหลายแบบ เช่น คิดแสวงหาความรู้ คิดวิเคราะห์ คิดริเริ่มสร้างสรรค์ ผู้ปกครองและครูควรจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลายให้เด็กได้ฝึกการคิดอย่างเหมาะสมกับวัย และมีความสุขที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆเพิ่มเติม เพื่อการพัฒนาสมองอย่างมีประสิทธิภาพ |
การเคลื่อนไหวสำหรับเด็กปฐมวัย
ธรรมชาติสำหรับเด็กปฐมวัย
เด็กจะเริ่มเรียนรู้และและฝึกหัดโดยตนเองตามธรรมชาติเด็กเล็ก ๆ จะฝึกการยืน คลาน ก้าวเดิน และขึ้นบันได
จนในที่สุด เด็กก็จะเดินได้ วิ่งได้ ตามธรรมชาติ
ทักษะที่จำเป็นในการเคลื่อนไหวร่างกายเมื่ออยู่กับที่และเมื่อเคลื่อนที่ออกจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง การเคลื่อนไหวระดับต่าง ๆ เช่น สูง
ต่ำ
ทักษะการเคลื่อนไหวยังสามารถพัฒนาการทั้ง 4 ด้านคือ
1.พัฒนาการทางด้านร่างกาย
2.พัฒนาการทางด้านอารมณ์
3.พัฒนาการทางด้านสังคม
4.พัฒนาการทางด้านสติปัญญา
หลักการจัดกิจกรรมสำหรับเด็กปฐมวัย
การจัดกิจกรรมสำหรับเด็กปฐมวัย
การเรียนรู้ของเด็กควรเป็นการเรียนรู้โดยผ่านการเล่น
เพราะเด็กในวัยนี้จะ ไม่จัดการเรียนรู้เป็นรายวิชา แต่จัดในรูปของกิจกรรมบูรณาการโดยผ่านการเล่น
เพื่อให้เด็ก เกิดการเรียนรู้ ได้รับประสบการณ์ตรง ได้รับการพัฒนาทั้งด้านร่างกาย
อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา ซึ่งกิจกรรม
ที่จัดขึ้นควรให้มีความยืดหยุ่นตามความคิดที่เด็กริเริ่ม สนใจและต้องการ
นอกจากนี้ ในการจัดกิจกรรมให้กับเด็ก
ควรจะคำนึงถึงสาระการเรียนรู้ของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย ซึ่งมีองค์ประกอบ 2 ส่วน
คือ
ส่วนที่ 1
ส่วนที่เป็นประสบการณ์สำคัญ และส่วนที่ 2
ส่วนที่เป็นสาระที่ควรรู้ ซึ่งทั้งสองส่วนใช้เป็น
สื่อในการจัดกิจกรรมให้เด็กเกิดพัฒนาการครบทุกด้าน
และมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องต่างๆ ที่อยู่รอบตัว
ซึ่งผู้เลี้ยงดูเด็กอาจจัดในลักษณะหน่วยการสอนแบบบูรณาการ
หรือเลือกใช้วิธีการแบบใดก็ได้ที่สอดคล้องกับ ปรัชญาและหลักการจัดการศึกษาปฐมวัย
และต้องปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมที่พึงประสงค์ ตลอดจน
ฝึกทักษะที่จำเป็นในการดำรงชีวิต เช่น ทักษะการเคลื่อนไหว ทักษะทางสังคม
ทักษะทางภาษา ทักษะทางการคิด เป็นต้น
ส่วนที่เป็นประสบการณ์สำคัญ
ประสบการณ์สำคัญเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการพัฒนาเด็กทางด้านร่างกาย
อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา ช่วยให้เด็กเกิดทักษะที่สำคัญสำหรับการสร้างองค์ความรู้
โดยให้เด็กได้มีปฏิสัมพันธ์กับวัตถุ สิ่งของ บุคคลต่างๆ ที่อยู่รอบตัว
รวมทั้งปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมไปพร้อมกันด้วย ประสบการณ์สำคัญมีดังนี้
1.1
ประสบการณ์สำคัญที่ส่งเสริมพัฒนาการด้านร่างกาย ได้แก่
1) การทรงตัวและการประสานสัมพันธ์ของกล้ามเนื้อใหญ่
- การเคลื่อนไหวอยู่กับที่และการเคลื่อนไหวเคลื่อนที่
- การเคลื่อนไหวพร้อมวัสดุอุปกรณ์
- การเล่นเครื่องเล่นสนาม
2) การประสานสัมพันธ์ของกล้ามเนื้อเล็ก
- การเล่นเครื่องเล่นสัมผัส
- การเขียนภาพและการเล่นกับสี
- การปั้นและประดิษฐ์สิ่งต่างๆ
ด้วยดินเหนียว ดินน้ำมัน แท่งไม้ เศษวัสดุ ฯลฯ
- การต่อของ บรรจุ เท
และแยกชิ้นส่วน
1.2
ประสบการณ์สำคัญที่ส่งเสริมพัฒนาการด้านอารมณ์ จิตใจ ได้แก่
1) ดนตรี
- การแสดงปฏิกริยาโต้ตอบเสียงดนตรี
- การเล่นเครื่องดนตรีง่ายๆ
เช่น เครื่องดนตรีประเภทเคาะ ประเภทตี ฯลฯ
- การร้องเพลง
2) สุนทรียภาพ
- การชื่นชมและสร้างสรรค์สิ่งสวยงาม
- การแสดงออกอย่างสนุกสนานกับเรื่องตลก
ขำขัน และเรื่องราว/เหตุการณ์ที่สนุกสนาน ต่างๆ
3) การเล่น
- การเล่นอิสระ
- การเล่นรายบุคคล กลุ่มย่อย
กลุ่มใหญ่
- การเล่นในห้องเรียนและนอกห้องเรียน
4) คุณธรรม จริยธรรม
- การปฏิบัติตนตามหลักศาสนาที่นับถือ
1.3 ประสบการณ์สำคัญที่ส่งเสริมพัฒนาการด้านสังคม
ได้แก่ การเรียนรู้ทางสังคม
- การปฏิบัติกิจวัตรประจำวันของตนเอง
- การเล่นและการทำงานร่วมกับผู้อื่น
- การวางแผน ตัดสินใจเลือก
และลงมือปฏิบัติ
- การมีโอกาสได้รับรู้ความรู้สึก
ความสนใจและความต้องการของตนเองและผู้อื่น
- การมีประสบการณ์ในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเคารพความคิดเห็นของผู้อื่น
- การแก้ปัญหาในการเล่น
- การมีประสบการณ์ทางวัฒนธรรมท้องถิ่นและความเป็นไทย
1.4
ประสบการณ์สำคัญที่ส่งเสริมพัฒนาการด้านสติปัญญา ได้แก่
1) การคิด
- การรู้จักสิ่งต่างๆ
ด้วยการมอง ฟัง สัมผัส ชิมรส และดกลิ่น
- การเลียนแบบการกระทำและเสียงต่างๆ
- การเชื่อมโยงภาพ ภาพถ่าย
และรูปแบบต่างๆ กับสิ่งของหรือสถานที่จริง
- การรับรู้และแสดงความรู้สึกผ่านสื่อ
วัสดุ ของเล่นและผลงาน
- การแสดงความคิดสร้างสรรค์ผ่านสื่อวัสดุต่างๆ
2) การใช้ภาษา
- การแสดงความรู้สึกด้วยคำพูด
- การพูดกับผู้อื่นเกี่ยวกับประสบการณ์ของตนเอง
หรือเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับตนเอง
- การอธิบายเกี่ยวกับสิ่งของ
เหตุการณ์และความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆ
- การฟังเรื่องราวนิทาน
คำคล้องจองคำกลอน
- การเขียนในหลายรูปแบบผ่านประสบการณ์ที่สื่อความหมายต่อเด็ก
เขียนภาพ เขียนขีดเขี่ย เขียนคล้ายตัวอักษร เขียนเหมือนสัญลักษณ์ เขียนชื่อตนเอง
- การอ่านในหลายรูปแบบผ่านประสบการณ์ที่สื่อความหมายต่อเด็ก
อ่านภาพหรือ สัญลักษณ์จากหนังสือนิทาน/เรื่องราวที่สนใจ
3) การสังเกต การจำแนก และการเปรียบเทียบ
- การสำรวจและอธิบายความเหมือนความต่างของสิ่งต่างๆ
- การจับคู่ กาาจำแนก
และการจัดกลุ่ม
- การเปรียบเทียบ เช่น ยาว/สั้น
ขรุขระ/เรียบ ฯลฯ
- การเรียงลำดับสิ่งต่างๆ
- การคาดคะเนสิ่งต่างๆ
- การตั้งสมมติฐาน
- การทดลองสิ่งต่างๆ
- การสืบค้นข้อมูล
- การใช้หรืออธิบายสิ่งต่างๆ
ด้วยวิธีการที่หลากหลาย
4) จำนวน
- การเปรียบเทียบจำนวน มากกว่า
น้อยกว่าเท่ากัน
- การนับสิ่งต่างๆ
- การจับคู่หนึ่งต่อหนึ่ง
- การมีประสบการณ์กับจำนวนหรือปริมาณที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง
5) มิติสัมพันธ์ (พื้นที่/ระยะ)
- การต่อเข้าด้วยกัน กายแยกออก
การบรรจุและการเทออก
- การสังเกตสิ่งต่างๆ
และสถานที่จากมุมมองที่ต่างๆ กัน
- การมีประสบการณ์และการอธิบายในเรื่องทิศทางการเคลื่อนที่ของคนและสิ่งต่างๆ
- การสื่อความหมายของมิติสัมพันธ์ด้วยภาพวาด
ภาพถ่าย และรูปภาพ
6) เวลา
- การเริ่มต้นและการหยุดการกระทำโดยสัญญาณ
- การมีประสบการณ์และเปรียบเทียบเวลา
เช่น ตอนเช้า ตอนเย็น เมื่อวานนี้ พรุ่งนี้ ฯลฯ
- การมีประสบการณ์และและการเรียงลำดับเหตุการณ์ต่างๆ
- การสังเกตความเปลี่ยนแปลงของฤดู
ส่วนที่เป็นสาระที่ควรเรียนรู้
สาระที่ควรเรียนรู้
เป็นเรื่องราวรอบตัวเด็กที่นำมาเป็นสื่อในการจัดกิจกรรมให้เด็กเกิดการเรียนรู้
ไม่เน้นการท่องจำเนื้อหา ผู้สอนสามารถกำหนดรายละเอียดขึ้นเองให้สอดคล้องกับวัย
ความต้องการ และความสนใจของเด็ก
โดยให้เด็กได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์ที่สำคัญที่ระบุไว้ข้างต้น
ทั้งนี้อาจยืดหยุ่นเนื้อหาได้ โดยคำนึงถึงประสบการณ์และสิ่งแวดล้อมในชีวิตจริงของเด็ก
สาระที่เด็กอายุ 3-5 ปี ควรเรียนรู้ มีดังนี้
1. เรื่องราวเกี่ยวกับตัวเด้ก
เด็กควรรู้จักชื่อนามสกุล รูปร่าง หน้าตา รู้จักอวัยวะต่างๆ วิธีระวังรักษา
ร่างกายให้สะอาด ปลอดภัย เรียนรู้ที่จะเล่นและทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเองคนเดียว หรือกับผู้อื่น
ตลอดจนเรียนรู้ที่จะ แสดงความคิดเห็น ความรู้สึก และแสดงมารยาทที่ดี
2. เรื่องราวเกี่ยวกับบุคคลและสถานที่แวดล้อมเด็ก
เด็กควรได้มีโอกาสรู้จักและรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับ ครอบครัว สถานศึกษา ชุมชน
รวมทั้งบุคคลต่างๆ ที่เด็กต้องเกี่ยวข้องหรือมีโอกาสใกล้ชิดและมีปฏิสัมพันธ์ใน
ชีวิตประจำวัน
3. ธรรมชาติรอบตัว
เด็กควรจะได้เรียนรู้สิ่งมีชีวิต สิ่งไม่มีชีวิต รวมทั้งความเปลี่ยนแปลงของโลกที่
แวดล้อมเด็กตามธรรมชาติ เช่น ฤดูกาล กลางวัน กลางคืน ฯลฯ
4. สิ่งต่างๆ รอบตัวเด็ก
เด็กควรจะได้รู้จักสี ขนาดรูปร่าง รูปทรง น้ำหนัก ผิวสัมผัสของสิ่งต่างๆ รอบตัว
สิ่งของเครื่องใช้ ยานพาหนะ และการสื่อสารต่างๆ ที่ใช้อยู่ในชีวิตประจำวัน
การจัดประสบการณ์
การจัดประสบการณ์สำหรับเด็กปฐมวัยอายุ 3-5 ปี
จะไม่จัดเป็นรายวิชา แต่จัดในรูปของกิจกรรม บูรณาการผ่านการเล่น
เพื่อให้เด็กเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง เกิดความรู้ ทักษะ คุณธรรม จริยธรรม
รวมทั้งเกิดการพัฒนาทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา
โดยมีหลักการและแนวทาง การจัดประสบการณ์ ดังนี้
1. หลักการจัดประสบการณ์
1.1
จัดประสบการณ์เล่นและการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาเด็กโดยองค์รวมอย่างต่อเนื่อง
1.2 เน้นเด็กเป็นสำคัญ
สนองความต้องการ ความสนใจ ความแตกต่างระหว่างบุคคลและบริบท
ของสังคมที่เด็กอาศัยอยู่
1.3
จัดให้เด็กได้รับการพัฒนาโดยให้ความสำคัญทั้งกับกระบวนการและผลผลิต
1.4
จัดการประเมินพัฒนาการให้เป็นกระบวนการอย่างต่อเนื่อง และเป็นส่วนหนึ่งของการจัด
ประสบการณ์
1.5
ให้ผู้ปกครองและชุมชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาเด็ก
2. แนวทางการจัดประสบการณ์
2.1
จัดประสบการณ์ให้สอดคล้องกับจิตวิทยาพัฒนาการ คือ เหมาะกับอายุ วุฒิภาวะ
และระดับพัฒนาการ เพื่อให้เด็กทุกคนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพ
2.2
จัดประสบการณ์ให้สอดคล้องกับลักษณะการเรียนรู้ของเด็กวัยนี้ คือ เด็กได้ลงมือกระทำ
เรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้เคลื่อนไหว สำรวจ เล่น
สังเกต สืบค้น ทดลอง และคิดแก้ปัญญาด้วยตนเอง
2.3
จัดประสบการณ์ในรูปแบบบูรณาการ คือ บูรณาการทั้งทักษะและสาระการเรียนรู้
2.4
จัดประสบการณ์ให้เด็กได้ริเริ่มคิด วางแผน ตัดสินใจ ลงมือกระทำ และนำเสนอความคิด
โดยผู้สอนเป็นผู้สนับสนุนอำนวยความสะดวกและเรียนรู้ร่วมกับเด็ก
2.5
จัดประสบการณ์ให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับเด็กอื่น
กับผู้ใหญ่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการ
เรียนรู้ในบรรยากาศที่อบอุ่นมีความสุขและเรียนรู้การทำกิจกรรมแบบร่วมมือในลักษณะต่างๆ
กัน
2.6
จัดประสบการณ์ให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับสื่อ และแหล่งการเรียนรู้ที่หลากหลายและ
อยู่ใน วิถีชีวิตของเด็ก
2.7
จัดประสบการณ์ที่ส่งเสริมลักษราะนิสัยที่ดีและทักษะการใช้ชีวิตประจำวัน ตลอดจนสอด
แทรกคุณธรรม จริยธรรม ให้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดประสบการณ์การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
2.8
จัดประสบการณ์ทั้งในลักษณะที่มีการวางแผนไว้ล่วงหน้าและแผนที่เกิดขึ้นในสภาพจริง
โดยไม่ได้คาดการณ์ไว้
2.9
ให้ผู้ปกครองและชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดประสบการณ์ ทั้งการวางแผน
การสนับสนุนสื่อการสอนการเข้าร่วมกิจกรรม และการประเมินพัฒนาการ
2.10
จัดทำสารนิทัศน์ด้วยการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กเป็น
รายบุคคล นำมาไตร่ตรองและใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเด็กและการวิจัยในชั้นเรียน
(อ้างอิงมาจาก :
หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2546 กรมวิชาการ
กระทรวงศึกษาธิการ)
ดังนั้น สามารถสรุปได้ว่า
ในการจัดประสบการณ์ให้กับเด็กปฐมวัยนั้น ผู้เลี้ยงดูเด็กควรจัดกิจกรรม ต่างๆ
ในรูปการบูรณาการโดยผ่านการเล่น ไม่จัดแยกเป็นรายวิชา
เพื่อให้เด็กปฐมวัยได้รับประสบการณ์ตรง เกิดการเรียนรู้
ได้พัฒนาการทั้งด้านร่างกาย อารมณ์-จิตใจ สังคม และสติปัญญา
ผู้เลี้ยงดูเด็กต้องคำนึงถึงหลัก ในการจัดประสบการณ์โดยเน้นเด็กเป็นสำคัญ
กิจกรรมที่จัดให้มีความสมดุลที่ให้เด็กได้ริเริ่มกิจกรรมและ ครูวางแผน
กิจกรรมที่จัดในห้องเรียนและนอกห้องเรียน กิจกรรมเคลื่อนไหวและกิจกรรมสงบ
กิจกรรมเดี่ยว กิจกรรมกลุ่มย่อยและกลุ่มใหญ่ นอกจากนี้
กิจกรรมที่จัดควรจะตอบสนองความต้องการ ความสนใจ ความ แตกต่างกันของเด็ก
เน้นให้เห็นความสำคัญของกระบวนการเรียนรู้มากกว่าผลผลิต เปิดโอกาสให้ผู้ปกครอง
และชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการร่วมกันพัฒนาเด็ก
และสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการจัดประสบการณืให้กับเด็กปฐมวัย คือ
การประเมินพัฒนาการซึ่งยังคงเป็นเรื่องที่ผู้เลี้ยงดูเด็กส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิดอยู่
นักศึกษาจึงควรศึกษาทำ ความเข้าใจกับเรื่องการประเมินพัฒนาการเด็กในรายวิชาที่ 8
ให้เข้าใจ
อ้างอิงมาจาก : หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย
พุทธศักราช 2546
กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น