วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2555

ชนเผ่าไทยอีสาน

ชนเผ่าไทยอีสาน


ไทยอีสาน เป็นประชากรกลุ่มใหญ่ พูดภาษาไทย-ลาว (ภาษาอีสาน เป็นกลุ่มผู้นำทางด้านวัฒนธรรมภาคอีสาน เช่น ฮีต คอง ตำนาน อักษรศาสตร์ จารีตประเพณี นิยมตั้งหมู่บ้านเป็นกลุ่ม บนที่ดอนเรียกตามภาษาท้องถิ่นว่า "โนน" ยึดทำเลการทำนาเป็นสำคัญ อาศัยอยู่ทั่วไป

เรื่องถิ่นเดิมของชาติพันธุ์ลาวมีแนวคิด 2 อย่าง ซึ่งก็มีเหตุผลสนับสนุนพอ ๆ กันคือ
1. ถิ่นเดิมของลาวอยู่ที่อีสานนี่เอง ไม่ได้อพยพมาจากไหน ถ้าเหมาว่าคนบ้านเชียงคือลาว ก็แสดงว่าลาวมาตั้งหลักแหล่งที่บ้านเชียงมากกว่า 5600 ปีมาแล้ว เพราะอายุหม้อบ้านเชียงที่พิสูจน์โดยวิธีคาร์บอน 14 บอกว่าหม้อบ้านเชียงอายุเก่าแก่ถึง 5600 ปี กว่าคนบ้านเชียงจะเริ่มตีหม้อใช้ในครัวเรือน ก็ต้องสร้างบ้านเรือนอยู่อาศัยก่อนหน้านั้นแล้ว แนวความคิดนี้ยังบอกอีกว่านอกจากลาวจะอยู่อีสานแล้ว ยังกระจายไปอยู่ที่อื่นอีก เช่น เวียดนาม จีน ญี่ปุ่น ยุโรป แล้วข้ามไปอเมริกาเป็นพวกอินเดียนแดง

2. ถิ่นเดิมของลาวอยู่ที่อีสานและมีมาจากที่อื่นด้วย (อภิศักดิ์ โสมอินทร์. 2540 : 69) แนวคิดนี้เชื่อว่า คนอีสานน่าจะมีอยู่แล้วในดินแดนที่เรียกว่า “อีสาน” หรือส่วนหนึ่งของสุวรรณภูมิ โดยประมาณ 10,000.- ปีที่ผ่านมา นักมานุษยวิทยา และนักประวัติศาสตร์ได้สันนิษฐานว่าได้มีการอพยพของพวกละว้า หรือข่าลงมาอยู่ในแดนสุวรรณภูมินับเป็นคนพวกแรกที่เข้ามา พอเข้ามาอยู่สุวรรณภูมิก็แบ่งเป็นอาณาจักรใหญ่ ๆ 3 อาณาจักร คือ อาณาจักรทวารวดี ซึ่งมีนครปฐมเป็นราชธานี มีอาณาเขตถึงเมืองละโว้(ลพบุรี) อาณาจักรที่สองคือโยนก เมืองหลวงได้แก่เมืองเงินยาง หรือเชียงแสน มีเขตแดนขึ้นไปถึงเมืองชะเลียงและเมืองเขิน อาณาจักรที่สามคือโคตรบูร ได้แก่บรรดาชาวข่าที่มาสร้างอาณาจักรในลุ่มน้ำโขง มีเมืองหลวงอยู่ที่เมืองโคตรบูรณ์ ซึ่งอยู่ทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงจากแนวคิดที่ 2 จะเห็นว่าในคำรวมที่นักมานุษยวิทยา และ นักประวัติศาสตร์เรียกว่า “คนอีสาน” นั้นน่าจะมีคนหลายกลุ่มหลายชาติพันธุ์ปะปนกันอยู่และในหลายกลุ่มนั้นน่าจะมีกลุ่มชาติพันธุ์ “ลาว”อยู่ด้วย ซึ่งสอดคล้องกับหลักฐานจากงานเขียนของนักวิชาการบางคนที่กล่าวว่า หลังจากพวกละว้าหรือพวกข่าหมดอำนาจลง ดินแดนอีสานก็ถูกครอบครองโดยขอมและอ้ายลาว ต่อมาขอมก็เสื่อมอำนาจลง ดินแดนส่วนนี้จึงถูกครอบครองโดยอ้ายลาวมาจนถึงปัจจุบัน ถ้าเป็นอย่างนี้จริงจึงกล้าสรุปได้ว่า “อ้ายลาว” ก็คือกลุ่มชาติพันธุ์ลาวนั่นเอง อ้ายลาวเป็นสาขาหนึ่งของมองโกลเดิม อยู่ทางตอนบนของแม่น้ำแยงซีเกียงและแม่น้ำเหลือง ก่อนที่จะอพยพเข้าครอบครองอีสานนั้นได้รวมตัวกันตั้งเมืองสำคัญขึ้น 4เมือง คือ นครลุง นครเงี้ยว และนครปา ต่อมากลุ่มอ้ายลาวเกิดสู้รบกับจีน สาเหตุเพราะจีนมาแย่งดินแดน อ้ายลาวสู้จีนไม่ได้จึงอพยพลงใต้ถอยร่นลงมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาตั้งอาณาจักรอยู่บริเวณยูนานในปัจจุบัน มีเมืองแถนเป็นศูนย์กลางสำคัญ แต่ก็ยังถูกรุกรานแย่งชิงจากจีนไม่หยุดหย่อน อ้ายลาวจึงอพยพลงมาตั้งอาณาจักรใหม่อีก คือ อาณาจักรหนองแส มีขุนบรมวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของอ้ายลาวเป็นผู้ปกครองขุนบรมขึ้นครองราชย์ พ.ศ.1272 ได้รวบรวมผู้คนเป็นปึกแผ่น และส่งลูกหลานไปครองเมืองต่าง ๆ ในบริเวณนั้นลูกหลานที่ส่งไปครองเมืองมี 7 คน คือ
1. ขุนลอ ครองเมืองชวา คือ หลวงพระบาง
2. ขุนยีผาลาน ครองเมืองหอแตหรือสิบสองพันนา
3. ขุนสามจูสง ครองเมืองปะกันหรือหัวพันทั้งห้าทั้งหก
4. ขุนไขสง ครองเมืองสุวรรณโดมคำ
5. ขุนงัวอิน ครองเมืองอโยธยา (สุโขทัย)
6. ขุนลกกลม ครองเมืองมอญ คือ หงสาวดี
7. ขุนเจ็ดเจือง ครองเมืองเชียงขวางหรือเมืองพวนพี่น้องอ้ายลาวทั้ง 7 ปกครองบ้านเมืองแบบเมืองพี่เมืองน้องมีอะไรก็ช่วยเหลือเจือจุนกันโดยยึดมั่นในคำสาบานที่คำสัตย์ปฏิญาณร่วมกันว่า “ไผรบราแย่งแผ่นดินกันขอให้ฟ้าผ่ามันตาย”สำหรับ กลุ่มอ้ายลาวนี้น่าจะเกี่ยวโยงเป็นกลุ่มเดียวกับคนชาติพันธุ์ลาวในอีสาน น่าจะเป็นกลุ่มลาวเชียงและลาวเวียง คือ กลุ่มจากอาณาจักรล้านนา (ลาวเชียง) และกลุ่มจากอาณาจักร ล้านช้าง (ลาวเวียง) ในพุทธศตวรรษที่ 17-18 เริ่มตั้งแต่สร้างเมืองชวาหรือเมืองหลวงพระบาง มีกษัตริย์ปกครองติดต่อกันมาถึง 22 องค์ กษัตริย์องค์หนึ่งคือพระเจ้าเงี้ยว ได้กำเนิดลูกชายคือพระเจ้าฟ้างุ้ม พระเจ้าฟ้างุ้ม เกิดมามีฟันเต็มปาก เสนาอำมาตย์ในราชสำนักเห็นเป็นอาเพศจึงทูลให้พระบิดานำไป “ล่องโขง” คือลอยแพไปตามลำน้ำโขง มีพระเขมรรูปหนึ่งพบเข้าเกิดเมตตาเอาพระเจ้าฟ้างุ้มไปชุบเลี้ยงจนเติบใหญ่แล้วถวายตัวในราชสำนักเขมรพระเจ้าฟ้างุ้มได้รับการศึกษาอบรมอย่างองค์ชายเขมร และทรงเป็นราชบุตรเขยของกษัตริย์เขมรด้วย เมื่อพระเจ้าฟ้าเงี้ยวสิ้นพระชนม์ เจ้าฟ้าคำเสียวผู้เป็นน้องชายขึ้นครองราชย์แทน พระเจ้าฟ้างุ้มจึงยกทัพจากเขมรทวงราชสมบัติของบิดาคืน สามารถโจมตีเมืองหลวงพระบางได้ เจ้าฟ้าคำเลียวเสียทีแก่หลานสู้ไม่ได้ น้อยใจจึงกินยาพิษตาย เจ้าฟ้างุ้มจึงขึ้นครองเมืองหลวงพระบางเมื่อ พ.ศ. 1896 ทรงพระนามว่า “พระยาฟ้างุ้มแหล่งหล้าธรณี” พระเจ้าฟ้างุ้มเป็นกษัตริย์ที่มีพระปรีชาสามารถมาก เป็นนักรบผู้กล้าหาญชาญฉลาด ในช่วงนั้นอาณาจักรสุโขทัยมีพระมหาธรรมราชาลิไทเป็นกษัตริย์ พระเจ้าฟ้างุ้มได้ขยายอำนาจแผ่ไปถึงญวน ลงมาถึงส่วนหนึ่งของเขมรตอนล่างและเข้ามาสู่ดินแดนอีสานได้อพยพผู้คนจากเวียงจันทน์มาอยู่บริเวณเมืองหนองหาน และหนองหานน้อยประมาณ 10,000 คน พระเจ้าฟ้างุ้มครองราชย์และแผ่แสนยานุภาพเรื่อยมาจนถึงสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) แห่งกรุงศรีอยุธยา พระเจ้าฟ้างุ้มคิดแผ่แสนยานุภาพเข้าครอบครองกรุงศรีอยุธยา ทำให้พระเจ้าอู่ทองต้องเจรจาหย่าศึกโดยอ้างความเป็นญาติร่วมวงศ์ขุนบรมเดียวกันว่า “เฮาหากแมนอ้ายน้องกันมาแต่ขุนบรมพุ้น หากเจ้าเป็นลูกหลานขุนบรมจริง เฮาอย่ามารบราฆ่าฟันกันเลย ดินแดนส่วนที่อยู่เลยดงสามเส้า (ดงพญาไฟ ไปจดภูพระยายาฝอและแดนเมืองนครไทยให้เป็นของเจ้า ส่วนที่อยู่เลยดงพญาไฟลงมาให้เป็นของข้อย แล้วจัดส่งลูกสาวไปจัดที่อยู่ที่นอนให้” (ทองสืบ ศุภมารค: อ้างใน สมเด็จพระสังฆราชลาวง2528:43)พระเจ้าอู่ทองยัง ได้ส่งช้างพลาย 51 เชือก ช้างพัง 50 เชือก เงินสองหมื่น นอแรดแสนนอ กับเครื่องบรรณาการอื่น ๆ อีกอย่างละ 100 ให้แก่พระเจ้าฟ้างุ้ม จากหลักฐานนี้อาณาจักรลานช้างจึงมีอำนาจครอบครองดินแดนอีสาน ยกเว้นเมืองนครราชสีมาที่ยังคงเป็นอิสระอยู่เพราะในหนังสือ “ King of Laos ” ระบุว่าในปี ค.ศ. 1385 อาณาเขตกรุงล้านช้างทางทิศตะวันตกติดต่อกับโคราช(นครราชสีมา) ดินแดนอีสานส่วนใหญ่ตกอยู่ในอำนาจของพระเจ้าฟ้างุ้มเรื่อยมาจนถึงสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช (ลาวเขียนไชยเสฏฐามหาราช) ขึ้นครองราชย์ระหว่าง พ.ศ.2091-2114 ได้ย้ายเมืองหลวงจากหลวงพระบางมาอยู่เวียงจันทน์ พระองค์ได้ทำสัญญาพันธมิตรกับสมเด็จพระมหาจักรพรรดิแห่งกรุงศรีอยุธยา และทั้งสองได้สร้างพระธาตุศรีสองรัก ที่อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย เป็นเขตแดนระหว่างสองอาณาจักร กษัตริย์องค์นี้ได้สร้างวัดองค์ดื้อ และศาสนสถานต่าง ๆ ในเขตเมืองหนองคาย และบูรณะพระธาตุพนมด้วย จึงอาจกล่าวได้ว่า พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชสนใจดินแดนฝั่งขวาแม่น้ำโขงมากกว่าสมัยก่อน ๆ ต่อมาในปี พ.ศ. 2250กิดการแก่งแย่งอำนาจขึ้นในลาว ทำให้ลาวถูกแบ่งออกเป็น 2 อาณาจักร มีหลวงพระบางและเวียงจันทน์เป็นศูนย์กลาง และในปี พ.ศ. 2256าเขตเวียงจันทน์ทางใต้ได้ถูกแบ่งแยกโดยเจ้าสร้อยศรีสมุทรพุทธางกูร (เจ้าหน่อกษัตริย์) มีเมืองนครจำปาศักดิ์เป็นเมืองหลวง ผู้ครองนครจำปาศักดิ์ได้ส่งจารย์แก้ว (เจ้าแก้วมงคล) มาเป็นเจ้าเมืองท่งหรือเมืองทุ่ง ในเขตอำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด นับว่านครจำปาศักดิ์ได้ขยายอำนาจเข้ามาสู่ลุ่มแม่น้ำมูล – ชี ตอนกลาง เวลาต่อมาลูกหลานเจ้าเมืองท่งหรือเมืองสุวรรณภูมิได้สร้างเมืองต่าง ๆ ในดินแดนอีสานมากกว่า 15 เมือง (อภิศักดิ์ โสมอินทร์. 2540 : 71) เช่น สุวรรณภูมิ ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ มหาสารคาม ชนบทขอนแก่น ฯ ล ฯต่อมาเกิดความไม่ลงรอยแตกแยกกัน ระหว่างกลุ่มขุนนางและกษัตริย์ลาวผู้คนได้อพยพหนีภัยการเมืองจากฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงเข้าสู่อีสานเหนือ กลุ่มสำคัญได้แก่

กลุ่มเจ้าผ้าขาว โสมพะมิตร
กลุ่มนี้อพยพผู้คนมาตั้งอยู่ริ่มน้ำปาว คือ บ้านแก่งส้มโฮง (สำโรง) เจ้าโสมพะมิตรได้เข้าเฝ้ารัชกาลที่ 1ที่กรุงเทพ ฯ เพื่อถวายความจงรักภักดี และเนื่องจากมีกำลังคนถึง4,000 คน รัลกาลที่ 1 จึงโปรดเกล้าให้ยกบ้านแก่งส้มโฮงเป็นเมืองกาฬสินธุ์ขึ้นตรงต่อกรุงเทพและเจ้าโสมพะมิตรได้รับบรรดาศักดิ์เป็น “พระยาไชยสุนทร” เจ้าเมืองกาฬสินธุ์

กลุ่มพระวอพระตา
พระวอพระตาเป็นเสนาบดีลาว เกิดขัดใจกษัตริย์เวียงจันทน์ อพยพผู้คนข้ามโขงมาอยู่ที่หนองบัวลุ่มภูซึ่งเป็นเมืองอยู่ก่อนแล้ว ตั้งชื่อเมืองว่า “นครเขื่อนขันฑ์กาบแก้วบัวบาน” แต่ได้ถูกกองทัพลาวตามตีจนพระตาตายที่รบ ส่วนพระวอได้พาบริวารไพร่พลหนีลงไปตามลำแม่น้ำโขงจนถึงดอนมดแดง และต่อมาลูกหลานของพระวอได้ขอตั้งเป็นเมืองอุบลราชธานี และเมืองยโสธร

กลุ่มท้าวแล
ท้าวแลและสมัครพรรคพวกได้อพยพหนีภัยการเมืองจากเวียงจันทน์ มาอยู่ในท้องที่เมืองนครราชสีมา ต่อมาได้ย้ายไปทางตอนเหนือแล้วขอตั้งเป็นเมืองชัยภูมิ ท้าวแลได้รับโปรดเกล้าให้เป็นเจ้าเมือง มีบรรดาศักดิ์ว่า “พระภักดีชุมพล” ต่อมาได้เลื่อนเป็น “พระยาภักดีชุมพล”การตั้งบ้านเมืองในดินแดนอีสานตั้งแต่พุทธศตวรรษ 24-25 หรือตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย จนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ มีเมืองต่าง ๆ เกิดขึ้นมากกว่า 100 เมือง มีแบบแผนการปกครองตามแบบหลวงพระบาง เวียงจันทน์ และจำปาศักดิ์คือมีตำแหน่งอาชญาสี่คือ เจ้าเมือง อุปฮาด ราชวงศ์ ราชบุตร ส่วนเมืองในเขตอีสานใต้คือนครราชสีมาและหัวเมืองเขมรป่าดง ได้ใช้แบบแผนการปกครองแบบกรุงเทพ ฯ คือมีเจ้าเมือง ปลัดเมือง ยกกระบัตรเมือง และผู้ช่วยราชการเมืองจากหลักฐานของลาวสามารถหาได้กลุ่มชาติพันธุ์ลาว ได้ตั้งถิ่นฐานอยู่ในอีสานมานานแล้ว จึงสรุปได้ว่า คนในท้องถิ่นอีสาน หรือบริเวณนี้เป็นเชื้อสายลาว ซึ่งมีประวัติความเป็นมายาวนาน สืบทอดสายธารทางประวัติศาสตร์อย่างต่อเนื่องจากอดีตจนถึงปัจจุบัน และตลอดไปในอนาคตอีกนานเท่านาน

วัฒนธรรมการแต่งกาย

เผ่าไทยลาว(ไทยอีสาน) นิยมผ้าฝ้ายมาแต่เดิม และพัฒนาผ้าฝ้ายเป็นการทอผ้ามัดหมี่ลวดลายต่าง ๆ แหล่งผ้าฝ้ายที่มีมานานแล้วคือกลุ่มบ้านวาใหญ่ อำเภออากาศอำนวยจังหวัดสกลนคร ซึ่งมีชื่อเสียงในการทอผ้าย้อมสีธรรมชาติจากเปลือกไม้ ใบไม้ แก่นไม้ผ้าซิ่นแขนกระบอกผ้ายย้อมคราม หรือมัดหมี่ เป็นที่นิยมของชนเผ่าไทยลาวกลุ่มที่แต่งกายแบบดั้งเดิมจริง ๆ นิยมแต่งด้วยผ้าย้อมครามทั้งเสื้อและผ้าซิ่น แต่ไม่สวยเด่นเท่าผ้ามัดหมี่ เพราะมีสีดำมือทั้งตัว การพัฒนาการของการทอผ้ามัดหมี่ ทำให้ไทยลาวในปัจจุบันสามารถทอผ้าลายหมี่คั่นหลายสี เช่น สีเหลือง สีแดง และนิยมสีฉูดฉาด นอกจากนี้ชาวเผ่าไทยลาวยังนิยมทอผ้าห่ม ผ้าจ่องลวดลายสวยงาม ซึ่งสามารถปรับแต่งมาเป็นผ้าสไบโชว์ลวดลายของผ้าประกอบเสื้อผ้าได้เป็นอย่างดี เครื่องประดับของชาวเผ่าไทยลาวนิยมเครื่องเงินเช่นเดียวกับกลุ่มอื่น
ผ้าซิ่น ในขณะที่เอกลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ กลุ่มผู้ไทย กลุ่มย้อ กลุ่มกะเลิง แต่เดิมนิยมผ้าซิ่นมีเชิงในตัวที่เรียกว่า ซิ่นตีนเต๊าะ แต่เผ่านี้กลับนิยมซิ่นไม่มีเชิงทั้งที่เป็นผ้าเข็น(ทอ) และผ้ามัดหมี่ฝ้าย หรือไหมเสื้อ แบบเสื้อของชนเผ่าไทยลาว แม้เสื้อจะเป็นเสื้อย้อมสีน้ำเงินแก่ แบบเสื้อคล้ายกับชนเผ่าอื่น ๆ แต่เนื่องจากเป็นชนเผ่าที่กระจายอยู่ในที่ต่าง ๆ และรับเอาวัฒนธรรมจากภาคกลางได้รวดเร็วจึงทำให้เผ่าไทยลาวมีแบบเสื้อแตกต่างไปจากชนเผ่าอื่น ๆ บ้าง เช่น เสื้อแขนกระบอก คือทอจากผ้าแพรตกแต่งให้มีจีบมีระบาย สวมสร้อยที่เป็นรัตนชาติ เช่น มุก มากกว่าการสวมสร้อยเงิน สอดชายเสื้อในซิ่นหมี่ไหม คาดด้วยเข็มขัดเงิน จุดเด่นอีกประการหนึ่งของชนเผ่าไทยลาว คือการนิยมผ้าขะม้าทั้งชายและหญิง ผ้าขะม้า(ขาวม้า) ที่งดงามคือผ้าใส่ปลาไหล มีสีเขียว-แดง-เหลือง ตามแนวยาวไม่ใช่เป็นตาหมากรุก ซึ่งเป็นผ้าสมัยใหม่ ผ้าใส่ปลาไหลสามารถคัดแปลงเป็นผ้าคล้องคอ ผ้าสไบของสตรีในการเสริมการแต่งกายให้งดงามขึ้น







นิทานพื้นบ้าน-ขูลูนางอั้ว

ขูลูนางอั้ว

ท้าวขูลู เป็นโอรสเจ้าเมืองกาสี ส่วนนางอั้วเคี่ยม เป็นธิดาเจ้าเมืองกายนคร ทั้งสองเมืองมีความสัมพันธ์อันดี เจ้าเมืองและพระมเหสีของทั้งสองเมืองต่างก็เป็นมิตรกัน และเคยให้คำมั่นว่าถ้ามีโอรส ธิดาจะให้สมรสกัน ท้าวขูลูและนางอั้วเคี่ยมเกิดปีเดียวกัน นางอั้วเคี่ยมมีความงดงามมาก เล่าลือไปถึงเมืองขุนลางซึ่งเป็นขอมภูเขาก่ำ (เขมรป่าดงหรือชาวป่าสักขาลายสีดำ) เป็นชนเผ่าที่ยังไม่เจริญ เมื่อท้าวขูลูเจริญวัยอยากมีคู่ครองจึงลามารดามาเที่ยวเมืองกายนครและได้นำเครื่องบรรณาการมาเยี่ยมเจ้าเมืองด้วย เพื่อท้าวขูลูได้พบนางอั้วเคี่ยมต่างก็มีจิตใจปฏิพัทธ์ต่อกัน ท้าวขูลูลากลับพระนครเพื่อส่งผู้ใหญ่มาสู่ขอ
ขุนลางหัวหน้าเผ่าชนภูเขาได้ส่งผู้ใหญ่มาสู่ขอนางอั้วเคี่ยม มารดาของนางได้รับปากเพราะนางไม่พอใจที่มารดาท้าวขูลูซึ่งเพื่อนกัน ตั้งแต่คราวที่นางตั้งครรภ์นางอั้วเคี่ยมและได้ไปเที่ยวอุทยานเมืองกาสี เห็นส้มเกลี้ยงในอุทยานนึกอยากกินตามประสาคนท้อง แต่มารดาท้าวขูลูไม่ยินดี นางนึกน้อยใจและโกรธจึงตัดขาดจากความเป็นเพื่อนกัน นางอั้วเคี่ยมเมื่อรู้ข่าวก็เสียใจและไม่ยอมรับ โดยอ้างว่าขุนลางเป็นคนนอกศาสนา ไม่นับถือพระธรรม แต่มารดาได้ส่งแม่สื่อไปยอมรับคำสู่ขอนั้นและรับปากว่าจะปลอบประโลมนางอั้วเคี่ยมในภายหลัง
ฝ่ายท้าวขูลูได้บอกบิดามารดามาสู่ขอนางอั้วเคี่ยม แต่มารดานางอั้วเคี่ยมไม่ยินยอมโดยให้เหตุผลว่าได้รับหมั้นขุนลางไว้แล้ว ท้าวขูลูจึงขอให้บิดาส่งแม่สื่อมาขอพบนางอั้วเคี่ยมอีกครั้งและได้อ้างคำพูดที่เคยตกลงกันไว้สมัยก่อน คราวนี้มารดาท้าวขูลูเดินทางมาด้วยและทวงคำมั่นนั้น แต่มารดานางอั้วเคี่ยมกล่าวถึงความโกรธในครานั้นและขอคืนคำมั่นทั้งหมด ในที่สุดจึงตกลงกันว่าจะเสี่ยงทายสายแนนหรือรกห่อหุ้มทารก ซึ่งเชื่อกันว่าทุกคนจะมีสายรกพัวพันกันอยู่บนเมืองแถนก่อนมาเกิดและต้องเป็นคู่กันตามสายแนนนั้น ถ้าแต่งงานผิดสายแนนจะต้องหย่าร้างกัน และให้คนทรงทำพิธีเซ่นพระยาแถนและนำของไปถวายพระยาแถนเพื่อขอดูสายแนนของทั้งสอง พบว่าสายของทั้งสองพันกันอยู่ แต่ตอนปลายยอดด้วนและปลายแยกออกจากกัน ซึ่งแสดงว่าเป็นเนื้อคู่แต่อยู่กันไม่ยืดต้องพลักพรากในที่สุด นอกจากนี้ยังพบว่าสายแนนของท้าวขูลูมีแท่นทองอยู่ด้วยแสดงว่าเป็นพระโพธิสัตว์ เมื่อแม่สูนหรือนางทรงหรือนางเทียม กลับมาได้แจ้งความดังนั้น โดยบอกว่าทั้งสองต้องตายจากกัน ทั้งสองฝ่ายก็ตกลงกันได้บางส่วน คือ มารดาท้าวขูลูจะส่งขันหมากมาสู่ขออีกครั้ง แต่มารดาของนางอั้วเคี่ยมกังวลที่ได้รับหมั้นขุนลางไปแล้ว ในที่สุดฝ่ายเมืองกาสีจึงลากลับ
ฝ่ายมารดานางอั้วเคี่ยมทราบว่าธิดาของตนได้ลักลอบพบกับท้าวขูลูที่อุทยาน นางโกรธมากจึงด่านางอั้วเคี่ยมว่าไปเล่นชู้ ไม่รักนวลสงวนตัว เสียพงศาเผ่าพระยา นางอั้วเคี่ยมเสียใจมากจึงผูกคอตายที่อุทยาน ความทราบถึงเจ้าเมืองและมารดาต่างก็เสียใจ ส่วนขุนลางก็ถูกธรณีสูบในคราวเดียวกัน
ท้าวขูลูทราบข่าวการตายเสียใจมาก คลุ้มคลั่งประจวบกับผีตายโหงเข้าสิงจึงคว้ามีดมาแทงคอตนเองตายในที่สุด
ย้อนไปในอดีตชาติ เนื่องจากท้าวขูลูและนางอั้วเคี่ยมได้ก่อเวรไว้จึงต้องมาใช้เวรกรรมในชาตินี้คือไม่สมหวังในความรัก เพราะเมื่อชาติก่อนท้าวขูลูเป็นเจ้าเมืองเบ็งชอน (บัญชร) นางอั้วเคี่ยมเกิดเป็นมเหสีชื่อว่านางดอกซ้อน มีผัวเมียคู่หนึ่งไม่ยำเกรงนางดอกซ้อน นางโกรธมากจึงฟ้องเจ้าเมืองให้ลงโทษคนคู่นี้ เจ้าเมืองสั่งไม่ให้เป็นผัวเมียกัน หากพี่น้องคนใดชักนำให้มาอยู่กินเป็นผัวเมียอีกจะถูกประหาร ทำให้ทั้งคู่เสียใจมาก เมียผูกคอตาย ผัวใช้มีแทงคอตนเองตาย เวรกรรมจึงตามสนองท้าวขูลูและนางอั้วเคี่ยมในชาตินี้ ท้าวขูลูและนางอั้วเคี่ยมได้ไปเกิดบนสวรรค์ทั้งสองคนและได้พบกันอีกครั้งหนึ่ง ส่วนเมืองกาสีและกายนครนั้นได้จัดพิธีศพโดยเผาคนทั้งสองพร้อมกัน สร้างพระธาตุบรรจุอัฐิทั้งสองไว้ที่เดียวกัน และกลับมาสมัครสามัคคีดังเดิม ท้าวขูลูและนางอั้วเคี่ยมได้แสดงอภินิหารให้ผู้คนชาวเมืองได้เห็น

 

 

สู่ขวัญแต่งงาน





สู่ขวัญแต่งงาน

ศรี ศรี มื้อนี้แม่นมื้อดี มื้อเศรษฐีอะมุตตะโชค โตกใบนี้แหม่นโตกไม้จันทน์ ขันอันนี้ แหม่นขันวิเศษ ผู้เหนือเกษป่อนลงมา เทวดาเอามาสู่ เอามาอยู่ในเคหา สองสามีภรรยาจักได้เกิด พระอินทรเปิดส่องพระแจ พระพรหมแลเผยพระโอษฐ์ ว่ามื้อนี้หายโทษทั้งมวล บรบวรทุกอย่าง ผู้เป็นช่างแต่งพาขวัญ มีทั้งมวนหมากเหมี่ยง พาขวัญเที่ยงใบศรี งามแสนดีเจ็ดชั้น แถนพ่อปั้น แต่งมานำ มีเงินคำพันไถ่ เอามาใส่พาขวัญ บรบวรถ่วนถี่ งามเอาหนี่จั่งเมืองแมน

ฝ้ายผูกแขนห้อยระย้า มาจากฟ้าเมืองพรหม มาเชยชมสององค์อ่อน เข้าบ่อนนอนหมูน หมอน สองเนานอนแขนก่าย ทั้งสองฝ่ายตกลง สองอนงค์ลูกของแม่ มาแหนแห่เฮือนหอ โคตรวงศ์ ยอขันโตก ถึกโฉลกเหลือตา ยกลงมาตั้งใส่ ขันโตกใหญ่ทองคำ เพชรมานำพลอยต่อ นิลมาก่อ ประดับนำ เงินและคำเต็มถาด หลายแสนบาทสินดอง เอามาฮองตกแต่ง บ่ได้แบ่งปันไผ สองหัวใจ มาอยู่ฮ่วม มาอยู่ร่วมเป็นหนึ่งแผ่นทอง คนทั้งสองสมเผ่า เป็นคู่เก่านำมา สองขวัญตามาพบพ้อ จั่งให้พ่อมาขอ จั่งได้ยอขันหมาก ไขคำปากว่าตกลง สมประสงค์ทั้งสองฝ่าย เอาขาก่ายเมียแพง

ผู้เป็นผัวอย่าแข็งคำเว้า เห็นพ่อเฒ่าแม่เฒ่าให้ยำเกรง ผู้เป็นเขยอย่าเสงเสียงปาก อย่า ไปถากคำจา คันไปไฮ่กะให้มา คันไปนากะให้ต่าว ฝั้นเชือกข่าวงัวควาย อยาตื่นสายลุกยาก อย่าได้ ปากเกินตัว ผู้เป็นผัวให้ฮักเมียจนแก่ ให้คือแม่ของโต อย่าพาโลเลาะบ้าน อย่าขี้คร้านนอนเว็น อย่า ไปเห็นสาวแก่ อย่าไปแก่กว่าวงศ์ อย่าไปโกงใส่โคตร อย่าเว้าโพดคันเห็น เฮ็ดบ่เป็นให้ถามไถ่ อย่า ไปใหญ่กว่าลุง อย่าไปสูงกว่าป้า อย่าไปด่าวงศ์วาน อย่าไปพาลพี่น้อง อย่าไปฟ้องซุมแซง

ผู้เป็นเมียอย่าแข็งปากเว้า ตื่นแต่เช้าก่อนผัวโต อย่าเสียงโวสุยเสียด อย่าไปเคียดไววา คันไปไฮ่กะ ฮีบมา คันไปนากะฮีบต่าว เห็นผู้บ่าวอย่าแซนแลน แซนแลน ยินเสียงแคนอย่าไปฟ้อน อย่าไปย้อนใส่เสียง กลอง อย่าจองหองใส่ปู่ย่า อย่าไปด่าอาวอา คันไปมาให้คมเขี่ยม อย่าให้เสื่อม ซุมแซง อย่าไปแฮงฟืดฟาด อย่า ประมาทปู่ย่าโต อย่าไปโสความเก่า อย่าไปเล่าความเดิม อย่าไป เสริมผู้อื่น อย่าไปตื่นเสียงคน อย่าไปวนของ เผิ่น คันเผิ่นเอิ้นจั่งขาน คันเผิ่นวานจั่งส่อย


ให้ไปค่อยมาค่อย เห็นโคตรเห็นวงศ์ อย่าไปโกงเถียงพ่อเถียงแม่ เห็นคนแก่ปากเว้าจาไข อย่าจัญไร ป้อยผีป้อยห่า อย่าไปด่าพี่น้องทั้งผัว อย่าเมามัวสุราเบี้ยโบก ยามขึ้นโคกหาฟืนหาตอง อย่าเสียงหองร้องเพลง แอ๋นแอ่น อย่าได้แล่นป๋าหมู่ป๋าฝูง คันเห็นลุงให้ว่ากะบาด อย่าได้ขาดความ เว้าขานไข ไปทางได๋อย่าได้ช้า คันเห็นป้าให้ว่าคือลุง อย่าหัวสูงไปหมอบมาหมอบ อย่าว่าปอบผีห่า ผีภู อย่าซูลูเอาของบ่อบอก อย่ากลับกลอกปู่ ย่าวงศา ยามไปมาให้วนเวียนแว่ ฮักคือพ่อคือแม่ปู่ย่า ของโต อย่าพาโลต๋อแหลหลอนหลอก อย่าไปบอกใช้สิ่งเอาของ ผิดูธรรมนองครองของลูกใภ้ กว่าสิได้ลูกเผิ่นมาแยง อย่าเว้าแข็งคำหวานโอนอ่อน

ว่ามาเยอขวัญเอย ขวัญสองเจ้าให้มาถ่อนมาอยู่นำกัน อย่าไปปนคนธรรพ์ในป่า อย่าไป ท่าน้ำหลากไหลแฮง อย่าไปแยงผาชันพันยอด ว่ามาเยอขวัญเอย สองเจ้าจ่งมากอดเป็นมิ่งสาย แนน เอาสองแขนจับกันไว้แน่น ขวัญเจ้าแล่นไปไกล ขวัญเจ้าไปในป่า ขวัญเจ้าหนีลงท่าไปเฮือ ขวัญเจ้าไปเมืองเหนือและเมืองลุ่ม ขวัยเจ้าไปอยู่พุ่มเฟือยหนาม ขวัญเจ้าไปนาทามนาฮ่อง ขวัญ เจ้าไปหลงป่องทางมา ขวัญเจ้าไปตามหาสาวบ่าว ขวัญบ่ต่าวคืนมา ขวัญไปคาอยู่ในเงื้อม อยู่ใน เหลื่อมผาชัน กะให้มาสามื้อนี้วันนี้

ขวัญเจ้าไปอยู่ลี้เมืองหงสา ขวัญบ่มาอยู่พม่า ขวัญไปค้าอยู่เมาะลำเลิง ขวัญไปเหิงบ่ต่าว กะให้มาสามื้อนี้วันนี้ ขวัญเจ้าไปอยู่ถ้ำเมืองแกวไม้ล้มแบ่ง ขวัญเจ้าไปแห่งแห้งทางก้ำฝ่ายเขมร กะให้มาสามื้อนี้วันนี้ ขวัญเจ้าไปทางก้ำเมืองเชียงตุงจีนตาด ขวัญเจ้าไปชมตลาดกว้างกวางตุ้ง ให้ดุ่งมา ขวัญเจ้าไปหาค้นแพรลาย ๆ พายถงย่าม เห็นงาม ๆ อย่าได้ใกล้ไปแล้วให้ต่าวมา ว่ามา เยอขวัญเอย ขวัญเจ้าไปทางใต้เมืองสุไหงตัดท่ง เมืองเบตงอยู่หย่อน ๆ อย่านอนค้างให้ต่าวมา

ว่ามาเยอขวัญเอย ขวัญแข่งให้เจ้าย่างลีลา ขวัญขาให้เจ้ามาลีล้าย ๆ มานอนนำอ้าย ผู้เป็นผัว มากินนัวจ้ำป่น ผัวพาก่นขุดตอ ผัวพายอเงินล้าน มาอยู่บ้านดอมกัน ว่ามาเยอขวัญเอย ขวัญสองเจ้าเฮ็วพะลันมาด่วน พากันชวนฮ่วมห้องนอนซ้อนหน่วยหมอน มาอยู่ซ้อนซอนห่มลม หนาว ว่ามาเยอขวัญเอย เมียนอนต่ำ ผัวให้นอนสูง เตียงไม้ยูงพ่อแม่แต่งไว้ เผิ่นแต่งให้ม่านใส่ทั้ง สอง หมอนมาฮองเฮียงกันเป็นคู่ เผิ่นให้อยู่นำกันอย่าหนี หลายนานปีจนแก่จนเฒ่า ขวัญหมู่เจ้าให้ แล่นมาเยอ

ว่ามาเยอขวัญเอย มาอยู่เฮือนหลังใหญ่ เผิ่นปลูกใส่เป็นเฮือนหอ เผิ่นปลูกยอเป็นของ อ่อน ปลูกไว้ก่อนคอยบุตตา พากันมาอย่าชักช้า มาอยู่ห่มเฮือนงาม มาอยู่ผามหลังอาจ แม่ปูสาด ทั้งหมอนลาย ของกินหลายเหลือหลาก บ่อึดอยากแนวใด๋ ว่ามาเยอขวัญเอย มาไว ๆ มาหาพ่อ มาหาแม่ พวกเฒ่าแก่อาวอาเผิ่นกะมาคอยอยู่ มาฮอดปู่คอยหลาน ว่ามาเยอขวัญเอย ขวัญเจ้าไป อย่าอยู่นาน อย่าไปพาลกับหมู่ จงมาอยู่ดอมกัน จวงจันท์หอมตกแต่ง กาบบัวแบ่งอยู่ซอนลอน ตาออนซอนเตียงตั่ง มีบ่อนนั่งเซามีแฮง คอยจอมแพงสองหน่อ ปานแถนหล่อแถนลอ มาโฮงหอ อย่าได้ช้า ทั้งช้างม้าแลงัวควาย ตาเว็นสวยมันสิฮ้อน ให้มาก่อนอย่าไปไกล อย่าไปใสตาเว็นค่ำ ตกใต้ต่ำมัวเมา

ว่ามาเยอขวัญเอย จงมาเซานำพ่อ จงมาก่อแบ่งสาน มาอยู่ซานอย่าห่าง อยู่ตะหล่าง เฮือนโต ว่ามาเยอขวัญเอย มาเชยชมในห้องเตียงทองบ่อนเผิ่นแต่ง สองจอมแพงให้ต่าวโค้ง มา ถ่อนอย่าสุนาน จงสำราญด้วยคาถาว่า อเนกเตโช ไชยะตุ ภะวัง ไชยะมังคะลัง สุขังพะลัง อาวาหะ วิวาโห สุมังคะโล โหตุ สาธุฯ




คำผูกแขนแต่งงาน

  • ผูกแขนฝ่ายชาย ศรี ศรี วันเดือนปีข้ามล่วงแล้ว จนลูกแก้วใหญ่สูง ฝูงป้าลุงและพ่อแม่ ทั้งเฒ่าแก่และตายาย มากันหลายพร่ำพร้อม มาโอบอ้อมจัดแต่งงาน ตามกาลเวลาแถน กำหนดไว้ แต่งแล้วให้ประพฤติธรรม จั่งสินำครอบครัวไปม้มฝั่ง ให้มีใจดุจดังแม่น้ำในนที อันมีคุณสมบัติ 4 ข้อ

  • ข้อ 1. นั้น น้ำสะอาดบริสุทธิ์ คันแม่นเฮาลงมุด สะอาดดีโดยแท้

  • ข้อ 2. นั้น น้ำหากปรับโตได้ เป็นหยังได้ทุกอย่าง ฮูเล็ก ๆ น้อย ๆ ไหลเข้าได้สู่แจ

  • ข้อ 3. นั้น น้ำหากเย็นแท้ แก้หอดหิวกระหาย กินลงไปหอดหิวหายจ้อย

  • ข้อ 4. นั้น น้ำหากสามัคคีแท้รวมกันโดยง่าย เอามีดตัดซ๊วบแล้วประสานเข้าได้ ง่ายดาย

ทั้ง 4 ข้อ ดีงามยอดยิ่ง ขอให้ใจพวกเจ้าคือน้ำจั่งแม่นครอง อุ อะ มุ มะ มูล มา มหา มูลมัง สะวาหุมฯ

  • ผูกแขนฝ่ายหญิง โอมแม่คนดียอดแก้ว ผู้เลิศแล้วชื่อว่าแม่ธรณี เป็นผู้มีฤทธีอานุภาพ แม่ หากปราบพญามาร ได้ร่วมบุญสมภารของพระพุทธเจ้า มื้อพระเจ้าตรัสส่องสรญาณ ฮีดผม เป็นน้ำท่วมพญามารจมจุ่ม น้ำทุ่มท่วมมารล้มท่าวตาย
    อันหนึ่งนั้นแม่หากมีใจกว้างเปรียบแผ่นธรณี แม่นสิมีผู้ขี้ผู้ขุดผู้ก่น เหยี่ยวใส่พร้อม น้ำลายซ้ำถ่มแถม แม่บ่ได้เคียดคล้อยชังเกลียดคนใด ขอให้เจ้าคือแม่ธรณี จั่งสิเป็นคนดี ครอบครองสมบัติได้ จัตตาโร ธัมมา วัฑฒันติ อายุ วัณโณ สุขัง พะลังฯ สาธุ


สู่ขวัญนาค


ศรี ศรี สุมังคะละ ศุภะสวัสดี อดิเรกไชยศรี สวัสดีจงมีแก่ผู้ข้าทั้งหลาย ทั้งเทพานาค ครุฑ เทวบุตร เทวดา อินทร์พรหม ยมราช ผู้องอาจกล้าหาญ จงได้บงการลงมาสู่ ลงมาอยู่เป็นชัย มงคลอันวิเศษ มื้อนี้พระเกตุ

เข้าสู่ราศรี เป็นวันดีสุดขนาด อินทภาสพร้อมตรียางค์ ทั้งนวางค์คาด คู่ ตั้งเป็นหมู่สอนลอนสอนลอน พระอาทิตย์จรจันทร์ฤกษ์ อังคารถึกมหาชัย พุธพฤหัสไปเป็นโยค ศุกร์เสาร์ได้อมุตโชคพร้อมลัคนา อันนี้ตามตำราว่าได้ฤกษ์ ถึกหน่วยว่าอุตมะราศรี

วันนี้เป็นวันดีอันประเสริฐ ถือว่าเลิศเป็นมุงคุล ปุนแปลงดีแต่งแล้วพาขวัญแก้วยกมา มีทั้งท้าวพระยา เสนาอำมาตย์ ทั้งนักปราชญ์มวลมา มีลุงตาพ่อแม่ มีเฒ่าแก่วงศา พร้อมกันมา ไหลหลั่ง มาโฮมนั่งอยู่สอนลอน ตาสะออนบุญหลายหลาก บ่พลัดพรากไปไกล มารวมใจชมชื่น ญาติบ้านอื่นมาหา จั่งได้ลาบิดามารดาออกบวช หวังไปสวดบำเพ็ญศีล ดั่งพระอินทร์ถวายบาตร พรหมราชยอพาน ถวายทานพระศรีธาตุ คราวพระบาทออกไปบรรพชา อยู่ฝั่งน้ำอโนมาพร้อม นายฉันท์และม้ามิ่ง ลายอดแก้มปิ่งสิ่งพิมพา ทั้งราหุลออกบวช ไปผนวชเป็นคนดี เจ้ามีใจในธรรม อันล้ำเลิศ ก่อนสิได้มาเกิดจากท้องมารดา ได้เลี้ยงมาเป็นอันยากเลี้ยงลำบากทุกวันคืน แม่ทนฝืน หนักหน่วงท้อง นอนเก้าเดือนเฮ็ดล่องง่องอยู่ในครรภ์

แสนรำพันฮักห่อ ลูกของพ่อดั่งดวงตา ออกจากท้องมารดาลูกเกิดมาเลิศแล้ว ได้ลูกแก้ว แม่นผู้ชายฝูงตายายก็ชมชื่น ยอยกยื่นเจ้าออกมา ญาติก็มาเอาผ้าห่อ ผู้เป็นพ่อฮักเหลือหลาย ตา กับยายเอาอาบน้ำ ทุกค่ำเช้าให้กินนม แม่นอนซมพ่อนอนกอด หอมแก้มฟอดยามไปมา ฮักดั่งตา ลูกแก่นไท้ เลี้ยงเจ้าใหญ่เป็นหนุ่มมา อยู่ชายคาเพียรอ่อน ชะส่อนหน้าใหญ่เป็นคน บ่ได้จนจักอย่าง บ่ได้ห่างไปไกล บ่ได้ไหลหนีจาก แสนลำบากเหลือหลาย ลูกผู้ชายจั่งได้บวชในศาสนา เจ้าก็คิดถึง คุณบิดามารดาเป็นอันยิ่ง จัดทุกสิ่งหามา เจ้าก็ลาพ่อแม่ ฮอดเถ้าแก่วงศ์วาน ได้จัดการพวกพี่น้อง ทั้งพวกพ้องมิตรสหาย บางผ่องศรัทธาหลายได้เสื่อสาด มีทั้งบาตรแลจีวร ตาออนซอนทั้งผ้าพาด ได้ไตรอาจบริขาร มาในงานบริโภค ได้ทั้งโตกถ้วยและคันที


เหล็กจานดีอันคมกล้า อันล้ำค่าบริขารสละทานบ่อึดอยาก มีหลายหลากมารวมกัน เผื่อ อยากเห็นพระจอมธรรมยอดแก้ว ยังบ่แล้วพระเมตไตย์ จอมพระทัยสุดยอด ทานตลอดกองบุญ เพื่อจักหนุนชูส่ง ญาติบ้านท่งบ้านใกล้และบ้านไกล มาโดยไวบอกข่าว ญาติบอกกล่าวกองบุญ หวังเอาคุณพระเจ้า ลูกหน่อเหง้าบรรพชา หวังให้พ้นโทษาและอนุโทษ ละความโกรธและความหลง จั่งได้ลงกองบวช อุปัชฌาย์จั่งได้สวดนิสัย ตามธรรมเนียมอยู่ในโบสถ์ ให้หายโทษที่จองจำ ทั้งเงิน คำออกจับจ่าย เป็นหนี้ไถ่ถอนหนี บ่ให้มีจักอย่าง ของต่าง ๆ ตัดหนี บ่ให้มีจักสิ่ง เป็นแก้วมิ่งพรหม- จรรย์ มารวมกันสุขสำราญฤาเดช ขอให้พ้นจากทุกข์เจตน์อยู่สวัสดี

จัตตาโร ธัมมา วุฒิธรรมทั้งสี่ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ อะโรคา ถ้วนทั้งสี่ ปฏิภาณอัน ถ้วนหก อธิปไตยอันถ้วนเจ็ด จงเสด็จมารักษา ว่ามาเยอขวัญเอย ข้อยจักเชิญเอาขวัญมาเฮ้า ข่อย จักเต้าเอาขวัญนาคมาโฮม ว่ามาเยอขวัญเอย ขวัญเจ้าลงไปเล่นนะทีทองเมืองนาค นางสนมหนุ่ม น้อยชมช้อนให้ต่าวมา ว่ามาเยอขวัญเอย ขวัญเจ้าไปเที่ยวเล่นชลธารอโนดาด ขวัญเจ้าไปเที่ยว เล่นกระแสน้ำฝ่ายไกล ขวัญเจ้าไปเที่ยวเล่นยมนาลอยล่อง ขวัญเจ้าไปเที่ยวห่องห้วยหาซ้อนหมู่สาว

ว่ามาเยอขวัญเอย ขวัยเจ้าเคยไปค้างทางไกลเกาะแก่ง ขวัญเจ้าไปแห่งห้องสมุทรกว้าง ข่วงนะที ขวัญเจ้าไปอยู่ลี้นำหลืบหินผา ขวัญเจ้าไปชมขี่มัจฉาลอยเล่น ขวัญเจ้าไปวังกว้างให้มา เด้ออย่าได้อยู่ อย่าได้ป๋าพ่อแม่ไว้ทางพี่เผิ่นคอง ว่ามาเยอขวัญเอย ขวัญเจ้าอย่าได้ไปเดินเล่นไพร คีรีนอกเขต ขวัญเจ้าอย่าได้เดินประเทศเที่ยงทางไกล อย่าหลงไหลไพรป่า ขวัญเจ้าอย่าได้ไปซม หมู่ลิงและค่างเฒ่า หมู่นกเค้าแลเสือสิงห์ ควายกระทิงและแฮดซ้าง ว่ามาเยอขวัญเอย ให้เจ้าเข้า มาอยู่เข้ามาสู่ชายคา ให้เจ้ามาเตรียมตัวบวช ให้มาเข้าผนวชเป็นสงฆ์ ให้เจ้าลงมาอยู่ลงมาสมสู่ สังฆา ปฏิมายอดแก้ว ใจผ่องแผ้วเหลือหลาย ยามเดือนหงายอย่าได้ล่วง ให้เจ้าห่วงครองธรรม ให้ เจ้านำครองปู่ ให้มาอยู่จำศีลให้มากินข้าวบาตร มานั่งอาสน์นำสงฆ์ให้มาลงในโบสถ์ ละความโกรธ และโทษา ให้เจ้าได้เทศนาสอนสั่ง เป็นเจ้านั่งเป็นสมภาร ให้ได้เป็นอาจารย์นักบวช ให้ได้สวด ปาฏิโมกขัง ให้เจ้าฝังในศาสน์ ให้ฉลาดเหลือคน

ว่ามาเยอขวัญเอย จัตตาโร ธัมมา วัฑฒันติ อายุวัณโณ สุขัง พะลัง ขอให้เจ้าอายุยืนยาว วรรณาขาวผิวผ่อง ผิวเจ้าคองงามงอน คนสะออนครองผ้า งามสง่าถือศีล ไผได้ยินเสียงเทศน์ ประณมเกษเกษา ให้ลือชาศาสนาของพระพุทธเจ้า ให้นาคเจ้ามีเดชะ ให้ชนะฝูงมาร เป็นอาจารย์ ผู้วิเศษละกิเลสหายหนี ดั่งอินทราธิราชเจ้าภูมินทร์ ทั้งแดนดินโอยออนน้อย ทุกท่านพร้อมสาธุการ มาอวยพรชมชื่นให้เจ้ามีความรู้หลื่นสมภาร ไหว้อาจารย์ทุกเมื่อ

เฮืองเฮือแก้วเงินคำ บูชาธรรมอย่าได้ขาด ให้ฉลาดพระวินัย ให้สดใสปานแหวน ให้ถึง แก่นคำสอน คนสะออนซมซื่น ให้เจ้าหลื่นมนุษย์และเทวา อย่าได้คาขัดข้อง ให้เจ้าท่องพระบาลี ให้มีหวังครองสืบสร้างธุระอ้าง 2 ประการ เฮียนกรรมฐานให้ถี่ถ้วน ครบสิ่งล้วน 8 หมื่นสี่พันพระ ธรรมขันธ์ ด้วยปัญญาเร็วพลันตรัสส่อง สมองปล่องเร็วไว ศีลสดใสบ่ประมาท มีอำนาจในศาสนา อย่าโสกาโศกเศร้า ให้เป็นสาวกของพระพุทธเจ้าสืบพระศาสนา ด้วยพระคาถาว่า ไชยะตุ ภะวัง ไชยยะมังคะลา ไชยยะมหามุงคุล หนุนกันมาเนืองแน่นให้ได้นั่งแท่นแก้วเป็นเอกสังโฆ มียโส เกียรติก้อง จบในห้องกัมมัฏฐาน มีอรหันต์เป็นเค้า เข้าสู่นิรพาน ก็ข้าเทอญฯ สาธุ

คำผูกแขนนาค หิเนนะ พรัมมะจริเยนะ ขัตติยัง อุปะปัชชะติ มัชฌิเมนะ เทวัตตัง อุตตะเมนะ วิสุชฌะติ ฝ้ายเส้นนี้แม่นฝ้ายมุงคุล พระจอมบุญพุทธเจ้า เอามาให้ผูกแขน หลาน ให้เจ้าบวชนาน ๆ เป็นเถระเจ้า ให้เจ้าเป็นพระผู้เฒ่าผู้ทรงคุณ คนมาหนุนทุกค่ำเช้า ให้เจ้า ได้สอนลูกเต้าพอแสนคน ทศพลอันผ่านแผ้ว คือพระไตรปิฎกแก้วให้เลื่อนไหล นำสัตว์ไปข้ามโลก ให้เข้าพ้นจากโอฆะสงสาร ให้ไปถึงนิรพานทุกคน ทุกคน ก็ข้าเทอญฯ ชะยะสิทธิ ภะวันตุ เตฯ

ผีตาแฮก

ผีตาแฮก

แม่โพสพ

แม่โคสก หรือ แม่โพสพ

line

ผีตาแฮก : ความเชื่อของชาวนาอีสาน การปลูกข้าวในยุคสมัยต่าง ๆ ตามแบบแผนวิถีชีวิตของคนไทย มุ่งปลูกข้าวเพื่อบริโภค เป็นหลัก เหลือบริโภคก็เก็บไว้ในยุ้งฉาง จะนำไปแลกเปลี่ยนกับปัจจัยอื่น ๆ บ้าง ก็เฉพาะสิ่งที่จำเป็น จริง ๆ เช่น แลกกับเสื้อผ้า อาหาร เกลือ ยารักษาโรค แต่ไม่นิยมขายข้าว ไม่แลกเปลี่ยนข้าวกับ เครื่องประหัตประหาร ทั้งนี้เพราะคนไทยเชื่อว่าข้าวเป็นสิ่งที่มีบุญคุณ มีจิตวิญญาณ มีเทพธิดา ชื่อว่า "แม่โพสพ" ประจำอยู่ ในท้องถิ่นบางแห่งเรียกว่า "นางโคสก" หรือ "แม่โคสก" เชื่อกันว่า นางมีอิทธิฤทธิ์สามารถดลบันดาลความสมบูรณ์พูนสุขแก่ผู้ปฏิบัติชอบต่อนางได้ และถ้าปฏิบัติ ไม่ดีจะได้ผลตรงข้าม ในอดีตหลังการเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จแต่ละปี ชาวบ้านจึงต้องจัดพิธีบายศรี สู่ขวัญให้นาง และปฏิบัติต่อนางอย่างเคารพนอบน้อม

เทพเจ้าอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้าวและการทำนา
การทำนาให้ได้ผลดีนั้นจะต้องถือปฏิบัติเคารพบูชาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตามความเชื่อของ ชาวบ้านแต่ละท้องถิ่น เทพเจ้า เทวดาอารักษ์ที่เกี่ยวข้องกับการทำนาก็จะมีหน้าที่แตกต่างกันไป ซึ่งการปฏิบัติบูชาเซ่นไหว้ก็จะทำในโอกาสหรือวาระต่าง ๆ กัน เช่น พิธีจรดพระนังคัญแรกนาขวัญ ซึ่งเป็นพิธีหลวง จัดขึ้นเพื่อให้เป็นขวัญกำลังใจแก่คนในชาติ ส่วนคนในท้องถิ่นอื่นก็จะมีพิธีกรรม แตกต่างกัน สำหรับคนอีสานแล้วจะยึดถือเทวดา ภูตผี ดังนี้

ตาแฮก หรือ ผีตาแฮก
ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นผีเฝ้าไร่นา เมื่อชาวบ้านเข้าหักร้างถางพง เพื่อแปรสภาพที่ดินไปเป็น ที่นา พวกเขาจะทำพิธีเชิญผีตาแฮกตนหนึ่งมาเป็นผู้เฝ้ารักษาที่นาและข้าวกล้า แต่ละปีเจ้าของนา จะต้องทำพิธีเซ่นสังเวยก่อนลงไถนา และเมื่อเก็บเกี่ยวเสร็จแล้ว จะต้องแบ่งข้าวสี่เกวียน (จำลอง เล็กๆ) ให้แก่ผีตาแฮกด้วย
ตาปู่ หรือ ปู่ตา
เป็นผีประจำหมู่บ้านอันเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้าน การสร้างหมู่บ้านจะต้องทำศาล ปู่ตา แล้วทำพิธีอัญเชิญปู่ตาซึ่งถือเป็นผีบรรพบุรุษ ให้มาอยู่ทำหน้าที่คอยพิทักษ์รักษามนุษย์ สัตว์ และพืชพันธุ์ธัญญาหารในหมู่บ้านให้ปลอดภัย การติดต่อระหว่างปู่ตากับชาวบ้านจะผ่านตัวแทน คือ คนทรง หรือที่เรียกว่า "จ้ำ" เมื่อถึงเดือนหก (ประมาณเดือนพฤษภาคม) ทุกปีจะมีพิธีบวงสรวง ปู่ตา และเสี่ยงทายเรื่องความสุขสบาย ความอุดมสมบูรณ์ของหมู่บ้าน และทำนายปริมาณน้ำฝน ในปีนั้น ๆ
แถน
เป็นเทวดาหรือผีฟ้าอยู่บนสวรรค์ มีอำนาจบันดาลให้เกิดปรากฏการณ์ต่าง ๆ แก่มนุษย์ สัตว์ และพืชพันธุ์ธัญญาหารบนโลกได้ ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือแถนมาก ยามทุกข์ร้อนสิ่งใด มักจะบนบานให้แถนช่วยเหลือ ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการทำนา คือ ชาวบ้านเชื่อว่า แถนมีอำนาจสั่ง ให้ฝนตกได้ แต่ละปีจึงมีพิธีจุดบั้งไฟบูชาแถน เพื่อให้แถนสั่งให้ผู้มีหน้าที่ทำให้ฝนตก เช่น นาค พระพิรุณ ประทานฝนลงมาให้

 

นาค
เป็นสัตว์ในอุดมคติที่เชื่อกันว่ามีอยู่ในโลกบาดาล งานหรือหน้าที่ของนาค คือ การพ่น ฝนให้ตกลงในจักรวาลนี้ อันประกอบด้วยมหาสมุทร มนุษย์โลก และป่าหิมพานต์ นาคเกี่ยวข้องกับ การทำนาในส่วนที่เป็นผู้ทำให้น้ำฝนตกลงในมนุษยโลก ทำให้มนุษย์ได้ทำนา นอกจากนี้ยังมีนาค อีกจำพวกหนึ่งที่เรียกว่า "นาคทรงแผ่นดิน" เมื่อทำพิธีแรกไถนา ชาวนาต้องดูวัน เดือน ปี และทิศ ที่จะบ่ายหน้าควาย ต้องไม่ให้ควายลากไถไปในทิศที่ทวนเกล็ดนาคหรือเสาะเกล็ดนาค เพราะถ้า เป็นอย่างนั้นการทำนาในปีนั้นจะทำให้เกิดอุปสรรคต่าง ๆ ขึ้น
นางธรณี
ชาวบ้านเชื่อกันว่า นางธรณีหรือแม่ธรณีเป็นเทพเจ้าแห่งพื้นดิน ก่อนจะไถนาหรือปลูก ข้าว ต้องบอกกล่าวขออนุญาตต่อนางเสียก่อน และทำพิธีเซ่นไหว้ด้วยพาหวาน (มีข้าวนึ่ง ไข่ไก่) 1 พา และขอให้นางธรณีช่วยปกป้องรักษาข้าวในนา อย่าให้มีศัตรูมาเบียดเบียน และขอให้ได้ทำนา ด้วยความสะดวกสบายตลอดฤดูกาล





พิธีแฮกไถนา

การแรกไถนาทำในเดือนหกวันฟูเวลาเช้า เจ้าของนาเป็นผู้ทำพิธี เทพเจ้าหลักที่อ้างถึงใน พิธีนี้คือ นางธรณี หรือ ผีตาแฮก แล้วแต่ใครจะนับถือองค์ไหน เทพเจ้าประกอบได้แก่ พระภูมิเจ้าที่ และ รุกขเทวดา กระทำพิธีในนาแปลงใดก็ได้ องค์ประกอบในพิธีมี พาหวาน 4 และ พายา 4 กอก (กรณี นับถือตาแฮก) องค์ประกอบนี้เปลี่ยนแปลงไปตามข้อปฏิบัติของแต่ละบุคคล วิธีทำ นำเอาเครื่องประกอบเหล่านี้ไปเซ่นสังเวยบอกกล่าวว่า มื้อนี้เป็นมื้อสันต์วันดี จะทำการแฮกไถนา ขอให้เทพเจ้า (ออกชื่อ) จงช่วยคุ้มกันรักษา ขยับขยายที่ให้ได้ทำนา อย่างสุขสบาย แล้วเริ่มไถนาในทิศทางที่ตามเกล็ดนาค (ห้ามไถทวนเกล็ดนาค) ไถวน จำนวน 3 รอบแล้วหยุด ปล่อยควาย เป็นการเสร็จพิธี วันต่อไปจึงเริ่มไถเป็นปกติได้ พิธีนี้มีเป้าหมายเพื่อให้เทพเจ้าคุ้มครองรักษาทั้งคน สัตว์ ข้าวกล้า และขออนุญาตต่อเทพเจ้า เพื่อเตรียมดินปลูกข้าวในปีนั้น ๆ ตามความเชื่อที่ยึดถือปฏิบัติกันมา

พิธีแฮกดำนา หรือปลูกข้าวตาแฮก

การเลี้ยงผีตาแฮก


จัดขึ้นประมาณเดือนเจ็ดหรือเดือนแปด (มิถุนายน - กรกฎาคม) วันประกอบพิธีต้องเป็น วันฟู หรือวันจันทร์ หรือวันพฤหัสบดี หรือวันเกิดของเจ้าของนา แล้วแต่ใครจะเลือกนับถือ ทำพิธี เวลาเช้า พ่อบ้านหรือแม่บ้านเป็นผู้กระทำ เทพเจ้าที่อ้างถึงได้แก่ ผีตาแฮก หรือ นางธรณี แล้วแต่ ใครจะนับถือรูปใดก็บูชารูปนั้น สถานที่ที่ปลูกข้าวตาแฮกนั้นให้เลือกเอาบริเวณที่ใกล้ ๆ กับโพนนา (จอมปลวก) หรือใกล้กกไม้

การปักดำตาแฮก

วิธีทำ เตรียมดินให้กว้างพอจะปลูกข้าวแฮกประมาณ 7 หรือ 14 กอ แล้วสร้างร้านสี่เสา เล็ก ๆ ขึ้นพอจะเป็นที่วางเครื่องสังเวยได้ เอาเครื่องสังเวยซึ่งเป็นเช่นเดียวกับพิธีแฮกไถนาวางบน ร้าน จากนั้นจึงกล่าวคำอ้อนวอนว่า "มื้อนี้มื้อสันต์วันดี พวกข้าจะมาปักแฮก ขอให้ตาแฮก (หรือนางธรณี) ช่วยคุ้มครองรักษาให้ข้าวกล้าในนางอกงาม ไม่มีพวกช้าง พวกควาย หรือ ไพร่พลมาทำลาย" แล้วจึงปักข้าวแฮก 7 หรือ 14 กอ ตามแต่นับถือ เป็นอันเสร็จพิธี
เป้าหมายของพิธี คือ ต้องการให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองข้าวกล้าให้งอกงาม ไม่มีโรคภัยมา เบียดเบียน สำหรับกรณีผู้นับถือตาแฮกจะบนบานว่า หลังจากการเก็บเกี่ยวแล้วจะแบ่งข้าวที่ได้ให้ ตาแฮก 4 เกวียน (เกวียนจำลอง)


พิธีเลี้ยงผีปู่ตาหรือผีตาปู่


จัดขึ้นในเดือนหก (ประมาณเดือนพฤษภาคม) วันพุธ (จะเป็นวันพุธสัปดาห์ไหนก็ได้) ตอนเช้า พิธีนี้มี "จ้ำ" เป็นผู้ดำเนินการ โดยป่าวประกาศให้ลูกบ้านทราบว่าจะทำพิธีวันไหน และให้ ลูกบ้านบริจาคเงิน ข้าวของตามศรัทธาให้แก่จ้ำ เพื่อจะได้นำไปซื้อเครื่องเซ่นมาทำพิธี ซึ่งมีไก่ 3 ตัว เหล้า 1 ขวด บุหรี่ ยาสูบ หมาก ผ้าซิ่น ดอกไม้ และธูปเทียน

การเลี้ยงผีปู่ตา

เมื่อถึงวันพิธี ชาวบ้านทุกครอบครัวไปร่วมงาน ซึ่งจัดขึ้นเวลาเช้า ณ ศาลปู่ตาประจำ หมู่บ้าน ในพิธีมีการเสี่ยงทายโดยใช้ไก่ 3 ตัว เป็นเครื่องเสี่ยงทาย 3 กรณี คือ

  • ไก่ตัวที่ 1 เสี่ยงทายเรื่องเกี่ยวกับมนุษย์

  • ไก่ตัวที่ 2 เสี่ยงทายเกี่ยวกับฝนฟ้าอากาศ

  • ไก่ตัวที่ 3 เสี่ยงทายเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงและพืชพันธุ์

โดยดูจากลักษณะปลายขากรรไกรล่างทั้งสองข้างของไก่ ว่ามีลักษณะเป็นอย่างไรบ้าง การเสี่ยงทายอีกประการหนึ่ง คือ การเสี่ยงทายฟ้าฝนด้วยไม้วา โดยเอาไม้มาหนึ่งท่อนขนาดยาว 1 วาของจ้ำ (ผู้กระทำพิธี) นำมาเข้าพิธี โดยอธิษฐานว่า ถ้าฝนดีขอให้ไม้นี้ยาวกว่า 1 วาของจ้ำ ถ้า ฝนแล้งขอให้ไม้สั้นกว่า 1 วาของจ้ำ เมื่อทำพิธีอธิษฐานแล้วก็เอาไม้มาวัดเทียบกับวาของจ้ำ แล้วให้ ทำนายตามผลที่ปรากฏ
ส่วนการทำนายตามลักษณะไก่ คือ ดึงเอาขากรรไกร (ปากล่าง) ของไก่ที่บูชาตาแล้ว ออกมา แล้วดูว่าปลายขากรรไกรทั้งสองข้าง (ซึ่งมีลักษณะเป็นสองง่าม) เป็นอย่างไร

  1. ถ้าปลายง่ามห้อยตกลงหรือไม่เสมอกัน หมายถึงในปีนั้นสัตว์เลี้ยงจะไม่สบาย เกิดโรค ถ้าเกี่ยวกับคนทายว่าจะแตกความสามัคคี เจ็บไข้ได้ป่วย ถ้าเกี่ยวกับพืชพันธุ์ธัญญาหาร ก็จะไม่สมบูรณ์

  2. ถ้าง่ามขากรรไกรทั้งสองข้างยาวเท่ากัน จะหมายถึงมีความอุดมสมบูรณ์ทั้งสัตว์เลี้ยง ผู้คน และพืชพันธุ์

  3. ถ้าขากรรไกรมีสีขาว แสดงว่า ฝนแล้ง

  4. ถ้าขากรรไกรมีสีดำ แสดงว่า ฝนฟ้าดี

พิธีเลี้ยงผีปู่ตาเป็นเหตุการณ์หนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการทำนาปลูกข้าวอย่างใกล้ชิด ผลคำ ทำนายเป็นเช่นไร ชาวบ้านมักจะนำไปเป็นข้อมูลในการเตรียมตัวทำนาในปีนั้น ๆ นอกจากนั้นปู่ตา ยังมีความสำคัญกับหมู่บ้านเพราะเป็นที่พึ่งทางใจ เป็นผู้อนุรักษ์ป่าไม้ชุมชนของหมู่บ้านนั้น ๆ ให้ ยังคงอุดมสมบูรณ์เป็นแหล่งอาหารเลี้ยงชุมชนตราบเท่าลูกหลาน

ในปัจจุบันนี้ เมื่อความเจริญคืบคลานเข้ามามากๆ เรื่องของดอนปู่ตาก็อาจจะจางหายไปในหลายๆ หมู่บ้าน ด้วยเหตุที่ดอนปู่ตาไปอยู่ในเส้นทางของการพัฒนาตัดถนนหนทางให้กว้างขวาง (ไม่ได้ตัดอ้อมเหมือนทางเกวียน) เราจึงได้ยินว่า ผีปู่ตามาเข้าฝันเถ้าจ้ำบอกว่า "เห็นจะอยู่ที่เดิมไม่ได้เสียแล้ว เพราะโดนเจ้ากุดจี่ทอง (รถแทรกเตอร์) มันไถดุนจนบ้านเจ้าปู่พังทลาย ทั้งๆ ที่เจ้าของของมัน (คนขับรถไถ) ก็พยายามดึงบังเหียน (คันบังคับรถ) ไว้อย่างสุดแฮงก็เอาไม่อยู่ ยิ่งดึงมันยิ่งมุดเข้ามาไถโพนและบ้านของข้าจนพังทลายแล้ว"

วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2555

สำนวนไทย

        สำนวนไทย...รู้ไว้ ไม่ล้าสมัย

              เป็นที่ทราบกันดีว่า คนไทยเป็นพวกเจ้าบทเจ้ากลอน จะพูดจาหรือสั่งสอนใคร ก็มักจะอ้างเอาสำนวน สุภาษิต หรือคำพังเพยที่พูดต่อ ๆ กันมาตั้งแต่ครั้งโบราณมาเปรียบเทียบเปรียบเปรยเสมอ ซึ่งคำเหล่านี้มักจะเป็นคำที่คล้องจองกัน ทำให้จดจำได้ง่ายและเห็นภาพได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

ที่สำคัญ สำนวนไทยยังมีเสน่ห์ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยการดึงเอาสิ่งที่อยู่รอบตัวมาเปรียบเทียบ ดังนั้น เราอาจพูดได้ว่า สำนวนไทยมีความผูกพันกับชีวิตของเราอย่างใกล้ชิด และยังให้ข้อคิดสอนใจ ซึ่งสำนวนไทยนั้นมีอยู่มากมาย แต่เชื่อว่าเพื่อน ๆ หลายคนอาจยังไม่เข้าใจความหมายของ สำนวนไทย บางคำ หรือบางประโยค แม้จะได้ยินอยู่บ่อย ๆ ก็ตาม วันนี้ กระปุกดอทคอม มีเกร็ดความรู้เรื่องนี้มาฝากกันค่ะ

สำนวน หมายถึง ถ้อยคำที่เรียบเรียงได้ตายตัว สลับที่หรือตัดตอนไม่ได้ มีความหมายเชิงเปรียบเทียบลึกซึ้งโดยครอบคลุมไปถึง ภาษิต สุภาษิต และคำพังเพย โดยสามารถแยกได้เป็น...

สำนวนที่มีเสียงสัมผัส

- เรียง 4 คำ ต้นร้ายปลายดี น้ำใสใจจริง

- เรียง 6 คำ ฆ่าไม่ตายขายไม่ขาด บ้านเคยอยู่อู่เคยนอน

- เรียง 8 คำ รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้

- เรียง 10 คำ คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ ชาติเสือต้องไว้ลาย ชาติชายต้องไว้ชื่อ

- เรียง 12 คำ ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ ผูกอู่ตามใจผู้นอน มีเงินเขานับว่าน้อง มีทองเขานับว่าพี่


สำนวนที่ไม่มีเสียงสัมผัส

- เรียง 2 คำ ชิมลาง ขบเผาะ

- เรียง 3 คำ ถ่านไฟเก่า คมในฝัก

- เรียง 5 คำ น้ำขึ้นให้รีบตัก ขนหน้าแข้งไม่ร่วง

- เรียง 6 คำ ถ่มน้ำลายแล้วกลืนกิน ยกภูเขาออกจากอก


ที่มาของสำนวน

1 สำนวนที่เกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่

ข้าวเหลือเกลืออิ่ม ทรัพย์ในดินสินในน้ำ บ้านเคยอยู่อู่เคยนอน


2 สำนวนเกี่ยวกับพืช

ขิงก็ราข่าก็แรง มะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก ใบไม้ร่วงจะออกช่อ


3 สำนวนเกี่ยวกับสัตว์

โง่เง่าเต่าตุ่น ตีปลาหน้าไซ นกมีหูหนูมีปีก


4 สำนวนเกี่ยวกับนิทาน

กิ้งก่าได้ทอง กระต่ายตื่นตูม เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ชาวนากับงูเห่า

สำหรับ สำนวน สุภาษิตไทย ที่เรามักจะได้ยินและเห็นกันอยู่บ่อย ๆ มีดังนี้

หมวด ก.

กงกรรมกงเกวียน - เวรสนองเวร กรรมสนองกรรม

กบในกะลาครอบ - ผู้มีประสบการณ์และความรู้น้อย แต่สำคัญตนว่ามีความรู้มาก
กรวดน้ำคว่ำกะลา, กรวดน้ำคว่ำขัน – ตัดขาดไม่ขอเกี่ยวข้องด้วย
กระเชอก้นรั่ว – สุรุ่ยสุร่าย, ไม่รู้จักเก็บหอมรอมริบ, ไม่ประหยัด
กระดังงาลนไฟ – ผู้หญิงที่เคยแต่งงานหรือผ่านผู้ชายมาแล้ว ย่อมรู้จักชั้นเชิงทางปรนนิบัติ และเอาอกเอาใจผู้ชายได้ดีกว่าผู้หญิงที่ยังไม่เคยแต่งงาน

กระดี่ได้น้ำ – อาการแสดงความดีอกดีใจ ตื่นเต้นจนตัวสั่น
กระต่ายขาเดียว – ยืนกรานไม่ยอมรับ
กระต่ายตื่นตูม – คนที่แสดงอาการตื่นตกใจง่ายโดยไม่ทันสำรวจให้ถ่องแท้ก่อน
กระต่ายหมายจันทร์ – ผู้ชายหมายปองผู้หญิงที่มีฐานะดีกว่า
กระโถนท้องพระโรง – ผู้ที่ใคร ๆ ก็ใช้ได้ หรือผู้ที่ใคร ๆ ก็พากันรุมใช้อยู่คนเดียว
กวนน้ำให้ขุ่น – ทำเรื่องราวที่สงบอยู่แล้วให้เกิดวุ่นวายขึ้นมา
กว่าถั่วจะสุก งาก็ไหม้ – ลักษณะของการทำงานที่มีความลังเล ทำให้แก้ปัญหาได้ไม่ทันท่วงที เมื่อได้อย่างหนึ่ง แต่ต้องเสียอีกอย่างหนึ่งไป

กาคาบพริก – ลักษณะที่คนผิวดำแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีแดง

กำแพงมีหูประตูมีช่อง, กำแพงมีหูประตูมีตา – การที่จะพูดหรือทำอะไรให้ระมัดระวัง แม้จะเป็นความลับเพียงไร ก็อาจมีคนล่วงรู้ได้

กินที่ลับไขที่แจ้ง – เปิดเผยเรื่องที่ทำกันในที่ลับ

กินน้ำใต้ศอก – จำต้องยอมเป็นรองเขา, ไม่เทียมหน้าเทียมตาเท่า (มักหมายถึงเมียน้อยที่ต้องยอมลงให้แก่เมียหลวง)

กินบนเรือนขี้บนหลังคา – เนรคุณ
กินปูนร้อนท้อง – ทำอาการมีพิรุธขึ้นเอง, แสดงอาการเดือดร้อนขึ้นเอง
เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง – เกลียดตัวเขา แต่อยากได้ผลประโยชน์จากเขา
เกลือจิ้มเกลือ – ไม่ยอมเสียเปรียบกัน, แก้เผ็ดให้สาสมกัน
เกลือเป็นหนอน – ญาติมิตร สามีภรรยา บุตรธิดา เพื่อนร่วมงาน หรือคนในบ้านที่คิดทรยศ,หนอนบ่อนไส้
เกี่ยวแฝกมุงป่า – ทำอะไรเกินกำลังความสามารถของตัว
แกว่งเท้าหาเสี้ยน – รนหาเรื่องเดือดร้อน
ใกล้เกลือกินด่าง – มองข้ามหรือไม่รู้ค่าของดีที่อยู่ใกล้ตัวซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ตน กลับไปแสวงหาสิ่งอื่นที่ด้อยกว่า
ไก่แก่แม่ปลาช่อน – หญิงค่อนข้างมีอายุที่มีมารยาและเล่ห์เหลี่ยมมาก และมีกิริยาจัดจ้าน
ไกลปืนเที่ยง – ไม่รู้อะไรเพราะอยู่ห่างไกลความเจริญ
ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ – ต่างฝ่ายต่างรู้ความลับของกันและกัน


หมวด ข.

ขนทรายเข้าวัด – หาประโยชน์ให้ส่วนรวม
ขนมผสมน้ำยา – พอดีกัน จะว่าข้างไหนดีกว่ากันไม่ได้
ขนหน้าแข้งไม่ร่วง – ไม่กระทบกระเทือนถึงเดือดร้อน
ข่มเขาโคขืนให้กินหญ้า – บังคับขืนใจผู้อื่นให้ทำตามที่ตนต้องการ
ขว้างงูไม่พ้นคอ – ทำอะไรแล้วผลร้ายกลับมาสู่ตัวเอง
ขวานผ่าซาก – โผงผางไม่เกรงใจใคร
ขายผ้าเอาหน้ารอด – ยอมสละสิ่งสำคัญเพื่อรักษาชื่อเสียงไว้
ขิงก็รา ข่าก็แรง – ต่างไม่ยอมลดละกัน
ขี่ช้างจับตั๊กแตน – ลงทุนมากแต่ได้ผลน้อย
เข็นครกขึ้นภูเขา – ทำงานที่ยากลำบากอย่างยิ่ง โดยต้องใช้ความพยายามและอดทนอย่างมาก
เข้าตามตรอกออกตามประตู – ทำตามธรรมเนียมประเพณี
เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม – ประพฤติตนให้เหมาะสมกับกาละเทศะ
เขียนด้วยมือลบด้วยตีน – ยกย่องแล้วกลับทำลายในภายหลัง
เขียนเสือให้วัวกลัว – ทำอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งเสียขวัญหรือเกรงขาม
ไข่ในหิน – ของที่ต้องระมัดระวังทะนุถนอมอย่างยิ่ง


หมวด ค. , ฆ.

คดในข้อ งอในกระดูก – มีสันดานคดโกง
คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ – คนรักมีน้อย คนชังมีมาก
คบคนให้ดูหน้า ซื้อผ้าให้ดูเนื้อ – คนรักมีน้อย คนชังมีมาก
คมในฝัก – มีความรู้ความสามารถ แต่เมื่อยังไม่ถึงเวลาก็ไม่แสดงออกมาให้เห็น
คว้าน้ำเหลว – ไม่ได้ผลตามต้องการ
ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด – มีความรู้มาก แต่ไม่รู้จักเอาความรู้มาใช้ให้เป็นประโยชน์
คางคกขึ้นวอ – คนที่มีฐานะต่ำต้อย พอได้ดิบได้ดีก็มักแสดงกิริยาอวดดี ลืมตัว
โคแก่ชอบกินหญ้าอ่อน – ชายสูงอายุที่ชอบผู้หญิงรุ่นสาว
ฆ่าความอย่าเสียดายพริก – ทำการใหญ่ไม่ควรตระหนี่


หมวด ง. , จ.

งมเข็มในมหาสมุทร – ทำกิจที่สำเร็จได้ยาก
งอมืองอตีน – เกียจคร้าน, ไม่สนใจขวนขวายการทำงาน
เงยหน้าอ้าปาก – มีฐานะดีขึ้นกว่าเดิมพอทัดเทียมเพื่อน
จับแพะชนแกะ – ทำอย่างขอไปที ไม่ได้อย่างนี้ก็เอาอย่างนั้นเข้าแทน เพื่อให้ลุล่วงไป
จับเสือมือเปล่า – แสวงหาประโยชน์โดยตัวเองไม่ต้องลงทุน
จุดไต้ตำตอ – พูดหรือทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งบังเอิญไปโดนเจ้าตัวเข้า โดยที่ผู้พูดไม่รู้ตัว


หมวด ช. , ซ.

ชนักติดหลัง – ความชั่วหรือความผิดที่ยังติดตัวอยู่
ชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน – ชักนำศัตรูเข้าบ้าน
ชักใบให้เรือเสีย – พูดหรือทำขวาง ๆ ให้การสนทนาหรือการงานเขวออกนอกเรื่องไป
ชักแม่น้ำทั้งห้า – พูดจาหว่านล้อมยกยอบุญคุณเพื่อขอสิ่งที่ประสงค์
ชักหน้าไม่ถึงหลัง – มีรายได้ไม่พอกับรายจ่าย
ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม, ช้า ๆ ได้พร้าสองเล่มงาม – ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ ทำแล้วจะสำเร็จผล
ช้างตายทั้งตัว เอาใบบัวมาปิดไม่มิด – ความชั่วหรือความผิดร้ายแรงที่คนรู้ทั่วกันแล้ว จะปิดอย่างไรก็ไม่มิด
ชิงสุกก่อนห่าม – ทำสิ่งที่ยังไม่สมควรแก่วัน หรือยังไม่ถึงเวลา (มักหมายถึงการลักลอบได้เสียกันก่อนแต่งงาน)
ชุบมือเปิบ – ฉวยประโยชน์จากคนอื่นโดยไม่ได้ลงทุนลงแรง
ซื้อควายหน้านา ซื้อผ้าหน้าตรุษ, ซื้อควายหน้านา ซื้อผ้าหน้าหนาว – ซื้อของไม่คำนึงถึงกาลเวลาย่อมได้ของแพง, ทำอะไรไม่เหมาะกับกาลเวลาย่อมได้รับความเดือดร้อน


หมวด ฒ. , ด.

เฒ่าหัวงู – คนแก่หรือคนมีอายุมากที่มีเล่ห์เหลี่ยมหรือกลอุบาย หลอกเด็กผู้หญิงในทางกามารมณ์
ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่, ดูวัวให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ – ให้รู้จักพิจารณาลักษณะบุคคลหรือผู้หญิงที่จะเลือกเป็นคู่ครอง
เด็ดดอกไม้ร่วมต้น – เคยทำบุญกุศลร่วมกันมาแต่ชาติก่อน จึงมาอยู่ร่วมกันในชาตินี้
เดินตามหลังผู้ใหญ่ หมาไม่กัด – ประพฤติตามอย่างผู้ใหญ่ย่อมปลอดภัย
ได้ทีขี่แพะไล่ – ซ้ำเติมเมื่อผู้อื่นเพลี่ยงพล้ำ


หมวด ต.

ตกกระไดพลอยโจน – จำเป็นที่จะต้องยอมเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่มีทางเลี่ยง
ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ – ตกอยู่ในที่คับขันอย่างไรก็ไม่เป็นอันตราย
ตบมือข้างเดียวไม่ดัง – ทำอะไรฝ่ายเดียวไม่เกิดผล
ตักน้ำใส่กะโหลก ชะโงกดูเงา – ให้รู้จักฐานะของตนและเจียมตัว
ตัดช่องน้อยแต่พอตัว – เอาตัวรอดแต่ผู้เดียว
ตัดไฟต้นลม, ตัดไฟหัวลม – ตัดต้นเหตุเพื่อไม่ให้เหตุการณ์ลุกลามต่อไป
ตัดหางปล่อยวัด – ตัดขาดไม่เกี่ยวข้อง ไม่เอาเป็นธุระอีกต่อไป
ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ – ลงทุนไปโดยได้ผลประโยชน์ไม่คุ้มทุน
ตีตนก่อนไข้, ตีตนตายก่อนไข้ – กังวลทุกข์ร้อนหรือหวาดกลัวในเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น
ตีนถีบปากกัด – มานะพยายามทำงานทุกอย่างเพื่อปากท้องโดยไม่คำนึงถึงความเหนื่อยยาก
ตีวัวกระทบคราด – โกรธคนหนึ่งแต่ทำอะไรเขาไม่ได้ ไพล่ไปรังควานอีกคนหนึ่ง
เตี้ยอุ้มค่อม – คนที่มีฐานะต่ำต้อยหรือยากจน แต่รับภาระเลี้ยงดูคนที่มีฐานะเช่นตนอีก
แตงร่มใบ – มีผิวเป็นนวลใยในวัยสาว


หมวด ถ. , ท.

ถ่มน้ำลายรดฟ้า – ประทุษร้ายต่อสิ่งที่สูงกว่าตน ตัวเองย่อมได้รับผลร้าย
ถอนรากถอนโคน – ทำลายให้สิ้นเสี้ยนหนาม
ถี่ลอดตาช้าง ห่างลอดตาเล็น – ดูเหมือนรอบคอบถี่ถ้วน แต่ไม่รอบคอบถี่ถ้วนจริง
เถรส่องบาตร – คนที่ทำอะไรตามเขาทั้ง ๆ ที่ไม่รู้เรื่องราว
ทรัพย์ในดิน สินในน้ำ – สิ่งที่มีอยู่หรือเกิดตามธรรมชาติ อันอาจนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ได้
ทองไม่รู้ร้อน – เฉยเมย,ไม่กระตือรือร้น, ไม่สะดุ้งสะเทือน
ทำคุณบูชาโทษ โปรดสัตว์ได้บาป – ทำคุณแต่กลับเป็นโทษ ทำดีแต่กลับเป็นร้าย
ทำนาบนหลังคน – หาผลประโยชน์ใส่ตนโดยขูดรีดผู้อื่น
ทำบุญเอาหน้า – ทำบุญเพื่ออวดผู้อื่น ไม่ใช่ทำด้วยใจบริสุทธิ์
เทือกเถาเหล่ากอ - เชื้อสายวงศ์ตระกูลที่สืบเนื่องต่อกันมา


หมวด น.

นกสองหัว – คนที่ทำตัวฝักใฝ่เข้าด้วยทั้ง 2 ฝ่ายที่ไม่เป็นมิตรกัยโดยหวังประโยชน์เพื่อตน
นายว่าขี้ข้าพลอย – พลอยพูดผสมโรงติเตียนผู้อื่นตามนายไปด้วย
น้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรง – พูดมากแต่ได้เนื้อหาสาระน้อย
น้ำมาปลากินมด น้ำลดมดกินปลา – ทีใครทีมัน
น้ำร้อนปลาเป็น น้ำเย็นปลาตาย – คำพูดที่ตรงไปตรงมา อาจไม่ถูกใจผู้ฟัง แต่ไม่เป็นพิษเป็นภัย คำพูดที่ไพเราะอ่อนหวาน ซึ่งถูกใจผู้ฟัง แต่อาจเป็นโทษเป็นภัยได้


หมวด บ.

บัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น – รู้จักผ่อนปรนเข้าหากัน มิให้กระทบกระเทือนใจกัน
บ่างช่างยุ – คนที่ชอบพูดส่อเสียดยุยงให้เขาแตกกัน
บ้าหอบฟาง – บ้าสมบัติ เห็นอะไร ๆ เป็นของมีค่าจะเอาทั้งนั้น, อาการที่หอบหิ้วสิ่งของพะรุงพะรัง
บุญทำกรรมแต่ง – บุญหรือบาปที่ทำไว้ในชาติก่อน เป็นเหตุทำให้รูปร่างหน้าตาหรือชีวิตของคนเราในชาตินี้ สวยงาม ดี ชั่ว เป็นต้น
เบี้ยน้อยหอยน้อย – มีเงินน้อย, มีไม่มาก
เบี้ยบ้ายรายทาง – เงินที่จะต้องใช้จ่ายหรือเสียไปเรื่อย ๆ เป็นระยะ ๆ ในขณะทำธุรกิจอย่างใดอย่างหนึ่งให้สำเร็จ


หมวด ป.

ปล่อยลูกนกลูกกา – ปล่อยให้เป็นอิสระ, ไม่เอาผิด
ปล่อยเสือเข้าป่า – ปล่อยศัตรูไปอาจกลับมาทำร้ายภายหลังอีก
ปลาหมอตายเพราะปาก – คนที่พูดพล่อยจนได้รับอันตราย
ปลาใหญ่กินปลาเล็ก – คนที่มีอำนาจหรือผู้ใหญ่ที่กดขี่ข่มเหงผู้อ่อนแอหรือผู้น้อย
ปลูกเรือนคร่อมตอ – กระทำสิ่งซึ่งล่วงล้ำ ก้าวก่ายสิทธิของผู้อื่น จะโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือไม่ก็ตาม
ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ ผูกอู่ตามใจผู้นอน – ทำตามความพอใจของผู้ที่จะได้รับผลโดยตรง
ปอกกล้วยเข้าปาก – ง่าย
ปากปราศรัยใจเชือดคอ – พูดดีแต่ใจคิดร้าย
ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม – ยังเป็นเด็ก
ปากว่าตาขยิบ – พูดอย่างหนึ่ง แต่ทำอีกอย่างหนึ่ง
ปากหวานก้นเปรี้ยว – พูดจาอ่อนหวานแต่ไม่จริงใจ
ปิดทองหลังพระ – ทำความดีแต่ไม่ได้รับการยกย่อง เพราะไม่มีใครเห็นคุณค่า
ปิดประตูตีแมว – รังแกคนไม่มีทางสู้ และไม่มีทางหนีรอดไปได้
ปีกกล้าขาแข็ง – พึ่งตัวเองได้ (เป็นคำที่ผู้ใหญ่มักใช้กล่าวเชิงตำหนิติเตียนผู้น้อย)
เป็ดขันประชันไก่ – ผู้ที่มีความรู้ความสามารถน้อย แต่อวดแสดงแข่งกับผู้ที่มีความรู้ความสามารถสูง
ไปไหนมาสามวาสองศอก – ถามอย่างหนึ่งตอบไปอีกอย่างหนึ่ง


หมวด ผ. ฝ.

ผักชีโรยหน้า – การทำความดีเพียงผิวเผิน
ผ้าขี้ริ้วห่อทอง – คนมั่งมีแต่แต่งตัวซอมซ่อ
ผีซ้ำด้ำพลอย – ถูกซ้ำเติมเมื่อพลาดพลั้งลง หรือเมื่อคราวเคราะห์ร้าย
ฝนตกขี้หมูไหล คนจัญไรมาพบกัน – พลอยเหลวไหลไปด้วยกัน
ฝนทั่งให้เป็นเข็ม – เพียรพยายามสุดความสามารถจนกว่าจะสำเร็จผล
ฝากปลาไว้กับแมว – ไว้วางใจคนที่ไม่ควรไว้วางใจ
ฝากผีฝากไข้ – ขอยึดเป็นที่พึ่งจนวันตาย
ฝ่าคมหอกคมดาบ – เสี่ยงภัยในสงคราม, เสี่ยงอันตรายจากอาวุธนานาชนิด


หมวด พ. ฟ.

พบไม้งามเมื่อยามขวานบิ่น – พบหญิงสาวที่ต้องใจเมื่อแก่
พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก – ความทุกข์ยากเกิดซ้อน ๆ เข้ามาในขณะเดียวกัน
พระอิฐพระปูน – นิ่งเฉย, ไม่รู้สึกยินดียินร้าย
พลิกหน้ามือเป็นหลังมือ – เปลี่ยนแปงหรือทำให้ผิดไปจากเดิมอย่างตรงกันข้าม
พออ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ – รู้ทันกัน
พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง – พูดไปไม่มีประโยชน์ นิ่งเสียดีกว่า
เพชรตัดเพชร – คนเก่งต่อคนเก่งมาต่อสู้กัน
แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร – การยอมแพ้ทำให้เรื่องสงบ
ฟังไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียด – ฟังไม่ได้ความแจ่มชัด แล้วเอาไปพูดต่อ
ไฟสุมขอน – อารมณ์ร้อนรุ่มที่คุกรุ่นอยู่ในใจ


หมวด ม.

มะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก – พูดจาตลบตะแลงพลิกแพลงไปมาจนจับคำพูดไม่ทัน
มะพร้าวตื่นดก ยาจกตื่นมี – เห่อหรือตื่นเต้นในสิ่งที่ตนไม่เคยมีไม่เคยได้จนเกินพอดี
มัดมือชก – บังคับหรือใช้วิธีการใด ๆ ให้อีกฝ่ายหนึ่งตกอยู่ในอำนาจและจัดการเอาตามใจชอบ
มากหมอมากความ – มากคนก็มากเรื่อง
ม้าดีดกะโหลก – มีกิริยากระโดกกระเดกลุกลนหรือไม่เรียบร้อย
มีทองเท่าหนวดกุ้ง นอนสะดุ้งจนเรือนไหว – มีสมบัติเพียงเล็กน้อย แต่กังวลจนนอนไม่หลับ
มือถือสาก ปากถือศีล – มักแสดงตัวว่าเป็นคนมีศีลธรรม แต่กลับประพฤติชั่ว
มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ – ไม่ช่วยแล้วยังขัดขวางการทำงานของผู้อื่น
ไม่ดูตาม้าตาเรือ – ไม่พิจารณาให้รอบคอบ
ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้ – ไม่มีเหตุย่อมไม่มีผล
ไม่เห็นน้ำตัดกระบอก ไม่เห็นกระรอกโก่งหน้าไม้ – ด่วนทำไปทั้ง ๆ ที่ยังไม่ถึงเวลาอันควร
ไม้ใกล้ฝั่ง – แก่ใกล้ตาย
ไม้หลักปักขี้ควาย, ไม้หลักปักเลน – โลเล, ไม่แน่นอน
ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก – อบรมสั่งสอนเด็กให้ประพฤติดีได้ง่ายกว่าอบรมสั่งสอนผู้ใหญ่


หมวด ย.

ยกตนข่มท่าน – พูดทับถมผู้อื่นแสดงให้เห็นว่าตัวเหนือกว่า
ยกภูเขาออกจากอก – โล่งใจ, หมดวิตกกังวล
ยกเมฆ – เดาเอา, นึกคาดเอาเอง; กุเรื่องขึ้น
ยกหางตัวเอง – ยกยอตนเอง
ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว – ทำอย่างเดียวได้ผล 2 อย่าง
ยิ้มด้วยปาก ถากด้วยตา – เยาะเย้ยด้วยกิริยาท่าทาง
ยืนกระต่ายขาเดียว – พูดยืนยันอยู่คำเดียว ไม่เปลี่ยนความคิดเดิม
ยุให้รำตำให้รั่ว – ยุให้ผิดใจกัน, ยุให้แตกกัน


หมวด ร.

รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา – ใฝ่ดีจะมีความสุขความเจริญ ใฝ่ชั่วจะได้รับความลำบาก
รักพี่เสียดายน้อง - ลังเลใจ, ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกอย่างไหนดี
รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ – รักจะอยู่ด้วยกันนาน ๆ ให้ตัดความคิดอาฆาตพยาบาทออกไป รักจะอยู่กันสั้น ๆ ให้คิดอาฆาตพยาบาทเข้าไว้
ราชรถมาเกย – โชค ลาภ หรือยศตำแหน่งมาถึงโดยไม่รู้ตัว
ราชสีห์สองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ – คนที่มีอำนาจหรืออิทธิพลพอ ๆ กันอยู่รวมกันไม่ได้
รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง – ทำไม่ดีหรือทำผิดแล้วไม่รับผิด กลับโทษผู้อื่น
รีดเลือดกับปู – เคี่ยวเข็ญหรือบีบบังคับเอากับผู้ที่ไม่มีจะให้
รู้งู ๆ ปลา ๆ – รู้เล็ก ๆ น้อย ๆ, รู้ไม่จริง
รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม – เรียนรู้ไว้ไม่หนักเรี่ยวหนักแรงหรือเสียหายอะไร
รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง – รู้จักเอาตัวรอดหรือปรับตัวให้เข้ากับเหตุการณ์
เรียนผูกต้องเรียนแก้ – รู้วิธีทำก็ต้องรู้วิธีแก้ไข
เรือร่มในหนอง ทองจะไปไหน – คนในเครือญาติแต่งงานกันทำให้ทรัพย์มรดกไม่ตกไปอยู่กับผู้อื่น
เรือล่มเมื่อจอด ตาบอดเมื่อแก่ – มีอุปสรรคเมื่อใกล้จะสำเร็จ


หมวด ล.

ล้มหมอนนอนเสื่อ – ป่วยจนต้องนอนพักรักษาตัว
ลางเนื้อชอบลางยา – ของสิ่งเดียวกัน คนหนึ่งชอบแต่อีกคนหนึ่งกลับไม่ชอบ
ลิ้นกับฟัน – การระทบกระทั่งกันบ้างแต่ไม่รุนแรงของคนที่ใกล้ชิดกัน
ลิ้นตวัดถึงใบหู – พูดจาตลบตะแลงเชื่อไม่ได้
ลูกไก่อยู่ในกำมือ – ผู้ที่ตกอยู่ภายใต้อำนาจ ไม่มีทางหนีหรือทางต่อสู้
ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น – ลูกย่อมไม่ต่างกับพ่อแม่มากนัก
เล่นกับหมา หมาเลียปาก – ลดตัวลงไปหรือวางตัวไม่เหมาะสมจึงถูกลามปาม
เลี้ยงลูกเสือลูกจระเข้ – เลี้ยงลูกศัตรูหรือลูกคนพาลจะได้รับความเดือดร้อนในภายหลัง
เลือกที่รักมักที่ชัง – ลำเอียง
เลือกนักมักได้แร่ – เลือกนักมักจะได้ที่ไม่ดี (มักใช้พูดตำหนิผู้เลือกคู่ครอง)
เลือดข้นกว่าน้ำ – ญาติพี่น้องย่อมดีกว่าคนอื่น


หมวด ว. ศ.

วัดรอยเท้า – คอยเทียบตัวเองกับผู้ที่เหนือกว่าเพื่อชิงดีชิงเด่น
วันพระไม่มีหนเดียว – วันหน้ายังมีโอกาสอีก (มักใช้พูดเป็นเชิงอาฆาต)
วัวลืมตีน – คนที่ได้ดีแล้วลืมฐานะเดิมของตน
วัวสันหลังหวะ – คนที่มีความผิดติดตัวทำให้มีความหวาดระแวง
วัวหายล้อมคอก – เรื่องเกิดขึ้นแล้วจึงคิดแก้ไข
ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง – ตำหนิผู้อื่นเรื่องใดแล้วตนก็กลับทำในเรื่องนั้นเสียเอง
ศิษย์คิดล้างครู – ศิษย์เนรคุณที่มุ่งคิดจะทำลายล้างครูบาอาจารย์
ศิษย์นอกครู – ศิษย์ที่ประพฤติไม่ตรงตามคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์


หมวด ส.

สร้างวิมานในอากาศ – ใฝ่ฝันถึงความมั่งมี, คิดคาดหรือหวังจะมี หรือเป็นอะไรอย่างเลิศลอย
สวยแต่รูป จูบไม่หอม – มีคูปร่างหน้าตาสวย แต่มีความประพฤติและกิริยามารยาทไม่ดี
สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ – ความสุขที่เกิดจากการทำความดี หรือความทุกข์ที่เกิดจากการทำความชั่วย่อมอยู่ในใจของผู้ทำเอง
สอนจระเข้ให้ว่ายน้ำ – สอนสิ่งที่เขารู้ดีหรือที่เขาถนัดอยู่แล้ว
สันหลังยาว – คำเรียกคนเกียจคร้านเอาแต่นอน
สาวไส้ให้กากิน – เอาความลับของฝ่ายตนไปเปิดเผยให้คนอื่นรู้เป็นการประจานตนหรือพรรคพวกของตน
สิ้นไร้ไม้ตอก – ยากไร้, ขัดสนถึงที่สุด, ไม่มีทรัพย์สมบัติติดตัว
สิบเบี้ยใกล้มือ – ของหรือประโยชน์ที่ควรได้ก็เอาไว้ก่อน
สีซอให้ควายฟัง – แนะนำคนโง่ไม่มีประโยชน์
สุกเอาเผากิน – ทำลวก ๆ, ทำพอเสร็จไปคราวหนึ่ง ๆ
สุนัขจนตรอก – คนที่ฮึดสู้อย่างไม่คิดชีวิต
เส้นผมบังภูเขา – เรื่องง่าย ๆ แต่คิดไม่ออก
เสือซ่อนเล็บ – ผู่ที่มีความเก่งกล้าสามารถแต่ไม่ยอมแสดงออกมาให้ปรากฏ
เสือนอนกิน –คนที่ได้รับผลประโยชน์หรือผลกำไร โดยไม่ต้องลงทุนลงแรง
ใส่ตะกร้าล้างน้ำ – ทำให้หมดราคี, ทำให้หมดมลทิน


หมวด ห.

หนักไม่เอา เบาไม่สู้ – ไม่มีความอดทนที่จะทำการงาน
หนามยอกเอาหนามบ่ง – ตอบโต้ด้วยวิธีการทำนองเดียวกัน
หน้าไหว้หลังหลอก – ต่อหน้าทำเป็นดี แต่ลับหลังก็นินทาหรือหาทางทำร้าย
หนีเสือปจระเข้ – หนีภัยอันตรายอย่างหนึ่งแล้วต้องพบภัยอันตรายอีกอย่างหนึ่ง
หมาหวงราง – คนที่หวงแหนสิ่งที่ตนเองกินหรือใช้ไม่ได้ แต่ไม่ยอมให้คนอื่น
หมาสองราง – คนที่ทำตัวเข้าด้วยทั้ง 2 ฝ่ายที่มักไม่เป็นมิตรกัน โดยหวังประโยชน์เพื่อตน
หมาหวงห้าง – คนที่หวงชองที่ตนไม่มีสิทธิ์
หมาเห่าใบตองแห้ง – คนที่เก่งแต่พูด
หมายน้ำบ่อหน้า – มุ่งหวังจะได้สิ่งที่ยังมาไม่ถึง
หอกข้างแคร่ – คนใกล้ชิดที่อาจคิดร้ายขึ้นมาเมื่อไรก็ได้
หัวมังกุท้ายมังกร – ไม่เข้ากัน, ไม่กลมกลืนกัน
หัวล้านได้หวี – ผู้ที่ได้สิ่งซึ่งไม่เป็นประโยชน์แก่ตน
หุงข้าวประชดหมา ปิ้งปลาประชดแมว – ทำประชด ซึ่งรังแต่จะเสียประโยชน์
เห็นกงจักรเป็นดอกบัว – เห็นผิดเป็นชอบ, เห็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
เห็นขี้ดีกว่าไส้ – เห็นคนอื่นดีกว่าญาติพี่น้อง
เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง – ทำเลียนแบบคนใหญ่คนโตหรือคนมั่งมีทั้ง ๆ ที่ตนไม่มีกำลังทรัพย์หรือความสามารถพอ
เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ – หยิบหย่ง, ทำอะไรไม่จริงจัง, ไม่เอาการเอางาน
เหยียบเรือสองแคม – ทำทีเข้าด้วยทั้ง 2 ฝ่าย


หมวด อ.

อดเปรี้ยวไว้กินหวาน – อดใจไว้ก่อน เพราะหวังสิ่งที่ดีกว่าข้างหน้า
อ้อยเข้าปากช้าง – สิ่งหรือประโยชน์ที่ตกอยู่ในมือแล้วไม่ยอมคืน
อาบน้ำร้อนมาก่อน – เกิดก่อนจึงมีประสบการณ์มากกว่า
เอาทองไปรู่กระเบื้อง, เอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ – โต้ตอบหรือทะเลาะกับคนพาล หรือคนที่มีฐานะต่ำกว่าเป็นการไม่สมควร
เอามะพร้าวห้าวไปขายสวน – แสดงความรู้หรืออวดรู้กับผู้ที่รู้เรื่องดีกว่า
เอามือซุกหีบ – หาเรื่องเดือดร้อนหรือความลำบากใส่ตัวโดยใช่ที่
เอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง – คัดค้านผู้ใหญ่ ผู้ที่มีอำนาจมากกว่า หรือผู้ที่มีฐานะสูงกว่า ย่อมไม่สำเร็จ และอาจได้รับผลร้ายแก่ตัวเองอีกด้วย
เอาหูไปนา เอาตาไปไร่ – แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น


และนี่ก็คือ สำนวน สุภาษิตไทย ที่บ่งบอกได้ถึงวัฒนธรรมทางความคิดของคนไทยได้เป็นอย่างดี หวังว่าเด็กรุ่นใหม่ ๆ จะมีความรู้ความเข้าใจในสำนวน สุภาษิตไทย มากยิ่งขึ้นนะครับผม

วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2555

บุญโดนตา

"บุญโดนตา" : วันแห่งความกตัญญู

 



"บุญโดนตา" หรือ โฎนตา" "เป็นบุญใหญ่ ของชาวเขมร ปีหนึ่งจะมีครั้งเดียว ในราวเดือนตุลาคม หรือ เดือน 10 ภาษาเขมรเขาเรียกว่า แคเบ็น บุญโดนตานี้สำคัญสำหรับชาวเขมรมาก คือว่าถ้ามีพี่น้อง ลูกๆหลานๆย้ายไปอยู่ที่อื่น เมื่อถึงบุญโดนตา ก็ต้องกลับมาโดนตามาเยี่ยมบ้าน


การมาเยี่ยมบ้าน ก็มีของมาโดนตาด้วย ขาดไม่ได้ก็คือข้าวสาร ข้าวสารข้าวจ้าว ข้าวสารข้าวเหนียว กับข้าวพวกปลาหรือเนื้อสัตว์ เหล้า สุรา ขนมและผลไม้ ตามได้ตามมี เพื่อที่จะได้เซ่นไหว้ร่วมกันกับพ่อแม่และญาติพี่น้อง ครอบครัวที่เป็นหลักสำคัญคือครอบครัว คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย คุณพ่อ คุณแม่ อาศัยอยู่กับลูก ๆหลานๆ ก็มาโดนตาที่นั้นแหละ การมาโดนตาของลูกหลานผู้ที่เป็นปู่ย่า ตายาย หรือพ่อแม่ ก็ต้องมีของตอบแทนให้ลูก ๆหลาน ๆด้วยเงินหรือสิ่งของ เช่น ผ้าไหม หรือเส้นไหม ถ้าลูกสะใภ้เพิ่งแต่งงานใหม่ต้องให้เยอะ ๆหน่อย


ก่อนจะถึงวันโดนตา เขาก็จะมีการเตรียมของก่อนขาดไม่ได้คือข้าวตอกแตก ข้าวตอกแตกนี้สำคัญมากลูกหลานที่มาโดนตาเขาให้ข้าวตอกแตกไปกินทุกคน เขาจะเตรียมทำข้าวตอกแตกก่อนวันโดนตาประมาณ 5วัน ต้องหาข้าวเปลือกข้าวเหนียว ถ้าไม่มีต้องไปหาแลกเปลี่ยน เมื่อมีแล้วต้องเอามาคั่ว อุปกรณ์ก็มี หม้อสาวไหมหม้อดิน เพราะหม้อดินจะเก็บความร้อนได้ดีและนาน


การคั่วข้าวตอกแตก เขาต้องใช้ไฟแรงข้าวจึงจะแตกเมล็ดดี ก่อนคั่วก็ต้องฝัดข้าวเปลือกเอาเมล็ดลีบออกให้หมด ถ้ามีเมล็ดลีบจะทำให้ไหม้ ข้าวตอกแตกจะไม่แตกเมล็ดสวยงาม และนิยมเอาก้านกล้วยสดๆ คั่วข้าวตอกแตกเพราะทนความร้อนได้ดี วิธีคั่ว เขาจะเอาหม้อสาวไหมหรือหม้อดิน ตั้งในเตาไฟเมื่อหม้อร้อนได้ที่แล้ว ก็เอาข้าวเปลือกที่ฝัดแล้วใส่ลงไปกำมือหนึ่ง ถ้าใส่มากจะไม่แตกเม็ดดี แล้วเอาก้านกล้วยคน ๆและหาฝามาปิดปากหม้อด้วย เพื่อไม่ให้เมล็ดข้าวตอกแตกกระเด็นออกมาข้างนอกหม้อได้ ข้าวตอกแตกเมื่อคั่วได้เยอะแล้วก็เอามาร่อน มาฝัด เก็บกากออกให้หมดแล้วก็เอามาผสมกันกับข้าวเม่า กับน้ำตาล น้ำอ้อยกะทิ มะพร้าว


ส่วนข้าวเม่านั้นทำยากมาก ทำจากข้าวเปลือกสด ๆจะทำเป็นข้าวเหนียวหรือข้าวจ้าวก็ได้ ข้าวกำลังเหลืองหางยังไม่แก่จัด ส่วนมากนิยมใช้ ข้าวดอ เขาเอามาคั่ว เหมืนกันกับข้าวตอกแตก เมื่อข้าวสุกพอประมาณ ก็เอามาตำกับครกตำข้าวหรือบางบ้านก็ตำกับครกกระเดื่องเขาใช้เท้าเหยียบ ตำข้าวเม่าต้องตำสองคน คนหนึ่งถือไม้ไว้เขี่ยคุ้ยเวลาเราตำ เพื่อไม่ให้ข้าวที่ตำจับกันเป็นก้อน ไม้ที่เขี่ยเป็นรูปแบน ส่วนกว้างประมาณ 3-4 นิ้ว ยาวประมาณ 1 เมตร ที่มือจับเราจะทำเป็นด้ามกลม ๆ ถ้าบ้านไหนไม่มี ก็เอาไม้คานหรือไม้หาบน้ำใช้แทนก็ได้



เวลาตำข้าวเม่า ต้องตำให้แหลกแล้วก็เอามาฝัดให้แกลบออกให้หมด เก็บกากออกให้หมด แล้วก็เอามาคั่วอีกรอบหนึ่ง เพื่อให้เมล็ดข้าวเม่าพองขึ้น แล้วก็เอามะพร้าวมาขูด เคี่ยวกะทิ เอาน้ำมัน มะพร้าวอย่างน้อย ห้าถึงหกลูก เมื่อต้มกะทิมะพร้าวแล้ว ก็เอาน้ำตาลหรือน้ำอ้อยใส่ลงเคี่ยวด้วยกัน ตีจนละลายหมดแล้วก็เอาลงไว้ให้เย็นก่อน เมื่อเย็นแล้วก็เอามาผสมกันกับข้าวตอกแตกกับข้าวเม่า


ภาชนะที่จะใช้ผสมคือกะละมังใบใหญ่ๆ แต่สมัยโบราณ เขาใช้กระดงเลี้ยงไหมเพราะมันใหญ่ เขาตัดใบตองกล้วยทั้งก้านวางปูลงในกระดงแล้ว ก็เอาข้าวตอกแตกกับข้าวเม่าลงไป ตักเอาน้ำกะทิเทราด แล้วก็คลุกไปมาให้เข้ากันดีแล้วก็เอาไปเก็บไว้ให้ดี สมัยนี้เขามีถุงพลาสติก สมัยโบราณมีตะกร้าๆ เขาทำจากไม้ไผ่ เขาสานจากไม้ไผ่จะเอาขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ก็ได้ แล้วแต่เราจะต้องการ เขาเอาใบตองกล้วยสด ๆใส่ลงในตะกร้าให้ยาวเลย ปากตะกร้าออกไป ประมาณเกือบศอก เวลาใส่ข้าวตอกแตกเต็มตะกร้าแล้วก็ปิดด้วยใบตองอีกทีจนมิดชิด เพื่อป้องกันไม่ให้มดหรือแมลงต่างๆเข้าไปตอมได้เก็บไว้ได้นานเป็นเดือน ๆ


ข้าวตอกแตกนี้เขาจะทำทุกครอบครัว วันบุญโดนตาเป็นแรม 14 ค่ำเดือน 10 ของทุกปี เป็นวันเซ่นไหว้ เขาก็มีของอยู่ของกินหลายอย่าง มีดอกไม้ธูปเทียน ขันห้า หมากพลูสี่คำ ยาม้วนสี่คำ ข้าวสองจาน ต้มแกง ลาบ ก้อย ย่าง ปิ้ง ก็ว่ากันไปตามมีตามได้ ขนม ข้าวต้ม ข้าวตอกแตก สมัยก่อนผลไม้ก็มีอยู่ในสวนไม่ได้ซื้อ มีขนุน กล้วย ส้มโอ น้อยหน่า สับปะรด มะพร้าวอ่อนเป็นต้น และก็มี เหล้า สุรา สมัยก่อนเขามีเหล้าโท เหล้าต้มเขาทำเอง


และเมื่อได้เวลาบ่าย ๆ เขาก็ทำพิธีเซ่นไหว้ ก็จะเอาเสื่อมาปูที่บริเวณหน้าบ้านแล้วก็เอาอาหารการกินที่จัดเตรียมไว้แล้ว เอาออกมาวางบนเสื่อที่ปูไว้ เสร็จเรียบร้อยแล้วญาติพี่น้อง ลูกหลานเข้ามานั่งพร้อมเพรียงกันมีผู้เฒ่านำว่าจุดธูปเทียน แล้ว พูดนำหน้า พวกเราก็พูดตาม เขาให้กราบลงสามครั้งแล้วยกขันห้าขึ้นเหนือศีรษะแล้ว ก็วางลงและก็พากันเรียกชื่อคุณปู่ คุณย่า คุณตาคุณยาย และญาติพี่น้อง ผู้ที่วายชนม์ชีพไปให้มาอยู่มากินทุกคน เพราะวันนี้เป็นวันโดนตา มาหาบมาหามเอาไป มีการกรวดน้ำ เอาเหล้าหยาด เมื่อได้เวลาก็บอกว่าถ้ากินอิ่มแล้วก็เคี้ยวหมาก สูบยา ลูกหลานก็จะรับเศษกินทีหลัง ลูกหลานก็จะบอกว่ากินอิ่มแล้วคืนนี้ก็ไปวัดไปรับศีล รับพร ไปฟังพระสวดมนต์ไปรับเอาบุญกุศล เมื่อเสร็จพิธีแล้วก็ย้ายไปบ้านหลังอื่นไปกันเป็นกลุ่ม


วันโดนตาวันนั้นเขามีการเล่นพื้นบ้านคือ บั้งป๋อง ทั้งเด็ก ๆและหนุ่มๆ บั้งป๋องนี้เขาทำมาจาก กระบอกไม้ไผ่ ยาวประมาณ 1 ศอก ตัดออกเป็นสองชิ้น ชิ้นหนึ่งยาวเกือบคืบ เป็นด้ามจับเหลาไม้ไผ่กลม ๆใส่ให้พอดีกับรู ยาวเกือบสุดบั้งยิง ส่วนอีกท่อนหนึ่งคือท่อนยิง ตัดทะลุป้องทั้งบนและล่างเท่านั้น แล้วก็นำผลไม้มาใส่ในรูสองลูกแต่ใสคนละครั้ง ใช้ท่อนที่เป็นด้ามจับดันลูกที่สองตามเข้าไป แรงดันจะดันลูกที่ หนึ่งพุ่งออกทางปลายท่อยิงจะมีเสียงดังเสียงดัง ภาษาลาวเรียกว่า หน่วยพะพา หรือลูกพะพา ลูกกลมๆเขียวๆเท่ากับดินสอดำ หรือถ้าไม่มี ก็เอาใบตองกล้ายสดแล้วก็เคี้ยว ๆแล้วก็ใส่ยิงได้เหมือนกัน เวลากลางคืนก็ไปเล่นไปยิงกันที่วัด ดังโป้งป้าง สนุกสนานดี


พอถึงเวลากลางคืนเขาก็จะเตรียมของเอาออกไปวัดอีก ของนั้นเขาจะใส่ในกระบุงหรือกระเชอ มีเผือก มัน ที่ต้มสุกแล้ว กล้วยสุกหนึ่ง ข้าวต้ม หนึ่ง มัดหรือหนึ่งพวง และผลไม้ตามมีตามได้ ฟักอ่อนหนึ่งลูก มะละกอหนึ่งลูก หมากพลู ยาสูบ ดอกไม้ขันห้า เหล้าหนึ่งถึงสองขวด เหล้าโทก็ได้ ครอบครัวใคร ครอบครัวมัน พากันแบกออกไปวัด พระสงฆ์ก็จะทำพิธีสวดมนต์เป็นตอนๆ ไป พวกคนที่แบกกระบุง กระเชอ ก็พากันมานั่งเป็นระเบียบ ถึงตอนเรียก ก็จะเรียกพร้อม ๆกันไป ปู่ย่า ตายาย ญาติพี่น้อง ของใครของมันให้ท่านมารับเอาสิ่งของ ของอยู่ของกิน มากินเหล้า ปู่ย่า ตายาย มากินก่อน ลูกหลานก็จะมารับเศษกินทีหลัง ก็เอาเหล้าแจกกันกิน บางคนก็เมา เมื่อสวดมนต์จบแล้วก็พากันแบกกระบุง กระเชอ กลับบ้าน


ทีนี้พอเวลาประมาณตีสี่ตีห้าก็ลุกเตรียมตัวพากันไปวัดอีก ไปครอบครัวละสองคน คนหนึ่งก็แบกกระเชอ อีกคนหนึ่งก็ถือขัน ในขันมีข้าวเหนียว มีถั่วงา ที่ขั้วสุกแล้วมีมะพร้าวอ่อนขูดให้ เป็นชิ้น ๆ มีส้มโอ ส้มกะสัง ส้มมะขาม ส้มสะมอ ส้มอะไรก็ได้ขอให้มีรสเปรี้ยวๆ มีหมากพลูสี่คำ ยาสูบสี่ม้วน มีเงินด้วย เงินเอาไม้ไผ่ยาวประมาณ 1 คืบแล้วผ่าที่ปลายไม้ไผ่ เอาเงินใส่คีบไว้แล้วเอาไม้ปักลงในกลางขันข้าว เงินนั้นไม่จำกัดแล้วแต่จะใส่ของพวกนี้เขาจัดเตรียมไว้แต่หัวค่ำแล้ว เมื่อถึงเวลาเขาก็ปลุกเรียกกันรอไปพร้อม ๆกันพอมาถึงวัดแล้วเอาของที่แบกมาถือวางเรียงกัน ส่วนพระสงฆ์ท่านก็ทำพิธีสวดมนต์เสร็จแล้ว ก็หยิบเอาเงินที่ปักไว้ในขันข้าว ส่วนคนแบก กระเชอ ก็เอาของในกระเชอไปเททิ้งใต้ร่มโพธิ์ ส่วนคนที่ถือขันข้าวก็เอาขันข้าวกลับบ้านไปหว่านใส่ในนาข้าว คนโบราณเขาพูดไว้ว่า แม่โพสพจะต้องตั้งท้อง ตั้งครรภ์ อยากกินของเปรี้ยว ๆ เขาว่าอย่างนั้นแล้วก็พากันไปตักบาตร เสร็จพิธี นี่คือ บุญโดนตา ประเพณีของชาวเขมร เขาถือปฏิบัติกัน มาจนถึงทุกวันนี้.

คําคมโดนๆ คําคมกวนๆ

คําคมโดนๆ คําคมกวนๆ สถานะโดนๆ เรารวบรวมคำคมโดนๆ กวนๆ ไว้ขึ้นสถานะเฟสบุ๊ค รับรองเจ๋ง แบบว่าโดนจริงๆถึงเอามาให้อ่านกันหนะ เดี๋ยวจะพยายามหามาให้เรืี่อยๆ หวังว่าคงชอบกัน มีอีกเยอะมากนะ ถ้าอยากได้ลองคอมเม้นท์ขอดูสิ เดี๋ยวว่างจะมาจัดให้


ก็แปลกนะ คำคม เหล่านี้สื่ออะไรได้หลายๆอย่างในสังคมไทยเราปัจจุบันนี้ การเขียนคำคม สมัยนี้ เอาเรื่องจริงที่โดนใจมาเขียนได้ถูกที่ถูกจังหวะ ก็ทำให้รู้สึกได้ว่า ใช่เลย มันเป็นแบบนั้นจริงๆ แล้วก็ขำ คนที่เขียนคำคมออกมานี่ ไอเดียบรรเจิดจริงๆ ใครเป็นเจ้าของคำคมเหล่านี้ ก็ขอขอบคุณไว้ ณ.ที่นี้ด้วย ถ้าจะให้ดี ช่วยมา แต่งคำคม ให้อีกหน่อย เอาที่มันโดนๆนะ โพสต์ตอบได้ที่ด้านล่างและ ใส่ชื่อผู้แต่งไว้ด้วยนะ ให้รู้ว่าคุณคือ ผู้แต่งคำคมโดนๆเหล่านี้ คนที่เอาไปใช้จะได้ขอบคุณถูกคน ^^


  1. การแอบรักใครข้างเดียว..ก็เหมือน "ผ้าอนามัย"!.. เพราะทุ่มเทเท่าไหร่ก็ไม่มีวันไหลย้อนกลับ!!,,อั๊ยย่ะ!!??!...555+

  2. DNA อยู่บนใบหน้า!...นี่คือที่มาของคำว่า "มองหน้าหาพ่อมึงเหรอ!?"...อุ๊ปปปป!

  3. คนที่ใช่...มาไม่บ่อย , คนที่คอย...มาไม่ถี่... คนที่รัก...มา ซักที !! , คนไม่รักดี...จะมาทำไม ?!!!!

  4. ผู้ชายและผู้หญิง...ไม่มีใครชอบดูหนังโป๊หรอก!...เพราะไม่ว่าใครจะแสดงก็ไม่เคยดูตั้งแต่ต้นจนจบได้เลย 55555555555+

  5. ความรักมันไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียง!... ลองที่ระเบียงบ้างก็ได้

  6. Impossible » I'm possible »... ถ้าตัวเราเดินหน้า คำว่า "เป็นไปไม่ได้"... สักวันหนึ่งก็จะ "เป็นไปได้"!!

  7. เวลาที่เราโดนคนรักทิ๊ง!!...อย่ามัวชะเง้อรอ .. ให้เค๊ากลับมา !.. แต่ .. จงเปล่งวาจาอย่างมั่นใจดัง ๆ ว่า : » "ขอบคุณที่ใช้บริการ คิวต่อไป เชิญ"!!! 55555+

  8. ไม่ใช่พลอย เชอมาลย์ แต่ไม่ปฏิเสธว่าเป็นนังมารยิ่งกว่าพลอย 55+

  9. "เสือก" กับ "เลือก" . . สะกดคล้ายๆกัน . . ถ้าคุณไม่ได้เป็น คนที่ถูก "เลือก" . . คุณจะกลายเป็น คนที่ "เสือก" ไปทันที !?!

  10. โปรดทราบ : ปีนี้ เลิกเล่น"น้ำสงกรานต์"แน่นอน เพราะ "แอ็ฟ ทักษอร" วิงวอนมา!!!! ก๊ากกกก

  11. อย่าตัดสินกูที่ "หน้าตา" ...เพราะว่ากู "มีค่า" ที่ข้างใน!!!...

  12. ‎3 ข้อง่ายๆเกี่ยวกับรัก.... 1.ถ้าเสียมันไป มันไม่ใช่รัก.... 2.ถ้าคุณมีรัก อย่าปล่อยมันไป.... 3.ถ้ามันทำคุณเจ็บ มันไม่ใช่รัก .. เคลียร์แล้วนะ เคป่ะ?

  13. การ "สร้างภาพ" บางทีก็ไม่ได้ขึ้นอยูกับว่า คุณเก่ง "ศิลปะ" มากแค่ไหน . . . แต่!? มันขึ้นอยู่กับ ระดับความ "ตอ-แหล" ของแต่ละบุคคล !!

  14. ไม่ได้เจ้าชู้แต่ไม่รู้จะเลือกใคร... ถ้าอยากคบก็ทิ้งเบอร์ไว้...ถ้าถูกใจจะโทรกลับไปเอง!!! หุหุ

  15. เวลาไม่ได้ทำให้ใครเสียคน ...ใครบางคนต่างหาก ทำให้เสียเวลา !!

  16. คำว่าเพื่อนสนิทมักใช้แทนคำว่า"แฟน"... คำว่าแฟนมักใช้แทนคำว่า"สามี" !

  17. เฮ้ย! ไม่ไช่ "แอฟ ทักษอร" นะ...ถามอยู่ได้ "สงกรานต์" ไปไหน!!?? ไรแว้...555+

  18. "นักรบยังมีดาบ...นักปราชญ์ยังมีความคิด...นักสู้ยังมีสปิริต...แต่กูเริ่มหงุดหงิดและที่ไม่มีใคร"!!!

  19. เสมอต้น...เสมอปลาย...อาจไม่เสมอไป...!

  20. สุราคือยาพิษ... ควรเติมน้ำแข็งกะโซดาสักนิดเพื่อดับพิษสุรา ^^ แอร๊ยยยส

  21. แอบชอบคืองานหลัก...แอบรักคืองานรอง...แอบมองคืองานอดิเรก...ถูกปฏิเสธคือ "งานประจำ"!! เว้ยเห้ยย

  22. การบินไทยรักคุณเท่าฟ้า , แต่คนธรรมดารักคุณเท่าเดิม , จะไม่เพิ่มเติมและเสริมแต่ง , เพราะรักมันเริ่มจะแรง , กลัวว่าจะแซงการบินไทย!!!

  23. "เงิน".. ถ้ามีน้อยก็ต้องใช้สอยประหยัด...แต่ถ้า "เวลา" มีจำกัด...ไม่ต้องประหยัดแต่ "จัดเต็ม"!! 55+

  24. อย่าหาเขาใส่หัว.. อย่ามีผัวแก้เหงา... อย่าทำตัวเป็นเงา ..ชีวิตเป็นของเรา.. ตามเขาทำไม!!

  25. จุดเด่นไม่เคยมี.. ดูดีก็ไม่ใช่ แต่จุดสำคัญอยู่ที่ใจ..คนแบบนี้เวลารักใครแล้วรักจริง!!

  26. พึ่งรู้ว่าแฟนตัวเองเป็นกระดูก ... ก็ตอนที่ถูกหมาคาบไปแดก...!!

  27. ความหนาว..อาจทำให้ใครบางคนเหงา...แต่ความเหงาอาจจะทำให้ใครหลายคน หนาว!!

  28. เพื่อนก็เหมือนดาวบนท้องฟ้า..แม้ไม่เห็นตลอดเวลา..แต่ก็รู้ว่าท้องฟ้ายังมีดาว ~

  29. ไม่ได้ชอบผู้ชายที่หน้าตา.. แต่อยากให้ลูกเกิดมา หน้าตาดี!!!

  30. อย่ามอง "รัก"เพียง เเค่"ภายนอก"...เพราะคง ดูไม่ออก ว่า"รัก"เป็นแบบไหน... "สถาปัตยกรรม" ยังต้องมีช่าง "ตกแต่งภายใน"...โปรดมอง"รัก" ให้ลึกจาก"หัวใจ" ใช่หน้าตา..

  31. "คนเราถ้าจะช่างอะไรให้มี 2 ช่าง!.. ช่างสังเกต กับช่างสงสัย... แต่อย่าช่าง***"!!

  32. เจ้าชู้ เป็นการโปรโมท... แต่โสด กูอยู่ในกระแส!

  33. แฟนไม่ใช่พ่อ! ...ถ้าตอแหลต้องตบ ... ถ้ามันยังเถียงไม่ยอมจบ ... ก็เล่นให้สลบคาตรีน!!! ป๊าดส

  34. ไล่แล้วทำไมยังไม่ไป..จะหน้าด้านไปถึงไหนคะพี่ขา...ตอนคบกันก็ไม่ยอมเห็นคุณ ค่า... พอตอนมีแฟนใหม่เข้ามา ตามอย่างกับหมาหวงเพ็ตดีกรี !! (+555)

  35. "หลายใจ"..เกิดจาก อาการสืบพันธุ์ของจิตใจโดยการแบ่งตัว... นำไปสู่อาการน้อยใจ..แก่คนรอบข้างได้ในเวลาต่อมา!!!

  36. กวนตีนเป็นชีวิต ... ตีสนิทเป็นนิสัย ... ไม่เจ้าชู้แต่จริงใจ ... ถ้ารักใครแล้วรักจริง ...~

  37. คุยกับเธอแล้วแสนตลก มีแต่เรื่องลามกช่างสุขสันต์ ภาษาอะไรไม่รู้มาเม้นท์ได้ทั้งวัน สะกิดจัง..สะกิดทำไม? ฮ่าๆๆ

  38. "เสียใจ" เอาไว้ใช้สำหรับคนที่มีค่า...แต่สำหรับคนที่มองความรักเป็นเรื่องลั้ลลา.. ใช้คำว่า "เสียเวลา" ก็พอ ...!!

  39. เพราะ Facebook มีปุ่มให้กด Like..ยังจะ Like แม้ไม่ได้เป็นคนรู้จัก...ยังจะรัก แม้ไม่ได้เป็นคนรู้ใจ.. อิ๊วว

  40. "เมียน้อย"..คือมือวางอันดับ1..ในการแย่งผัวชาวบ้าน!... "เมียหลวง"..คือมือวางอันดับ 1... ในการทำให้ผัวอยากมีเมียน้อย!!! 555+

  41. "ความลับ" คือสิ่งที่ถ้าถูกเปิดเผยแล้ว..จะไม่เป็นความลับอีกต่อไป!... แต่ "ของลับ".. ต่อให้เปิดเผยเป็น 10 ครั้งก็ยังเป็นของลับอยู่ !!! อู๊ววแม่จ้าววว..

  42. ถึงบางครั้งอาจจะพูดแรงไป... แต่ก็ "แรงไม่ยอมเปลี่ยนปลั๊ก"! ... "รักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง"..น่ะ!!! หุหุ

  43. We never get what we want, we never want what we get... we never have what we lilke, we never like what we have.That's life.That's right!

  44. พูดเร็วไป=เสียใจที่ไม่ทันได้คิด คิดนานไป=เสียใจที่ไม่มีโอกาสได้พูด

  45. ก่อนจะพิมพ์คำว่า "เรา" อย่าลืมเปลี่ยนภาษาล่ะ ไม่อยากกลายเป็น "gik"

  46. Social Network...ทำให้คนไกลได้ขยับเข้ามาใกล้...แต่ก็กำลังจะทำให้คนใกล้ ๆ โดนดีดไปไกล ๆ...

  47. "แฟนเก่า"เคยทำ"เราเจ็บ"..."แฟนเก็บ"ก็ทำ"เราเหงา"... "แฟนเขา"ยิ่งทำ "เราเศร้า"... ก็เพราะ"แฟนเรา"เขายังไม่มา !!!

  48. อาการขาดความอบอุ่น..ไม่ได้อยู่ที่ "สภาพอากาศ"..แต่ขึ้นอยู่กับ"สภาพจิตใจ" ..ในวันหนาวๆ..หายใจออกมาเป็น"ไอ"..วันไหนๆก็หายใจออกมาเป็น"เธอ".. ^^ ♥ อิ๊ววว

  49. ใน" face" ก็อยากให้มีคนกด like... ใน"life" ก็อยากให้มีคนกด love ... ฮิ้ววว ~*

  50. คิดแล้วไม่ทำคือฝันกลางวัน...ทำแล้วไม่คิดคือฝันร้าย!

  51. "งาน" ให้ เงินเดือน . . "เพื่อน" ให้ คำปรึกษา . . "ครู" ให้ วิชา . . "ผู้ชายไร้ค่า" . .*** ไม่เคย ให้ .... อะไรเลยย!!!!

  52. ผ่าน.."กุมภา"..ก็ยังไม่มีใครมา"กุมมือ"..จะหมด"มีนา"..ก็ยังไม่มีคนมา"มีใจ".. เดือนหน้า.."เมษา"! ก็คงต้องอยู่กับ(สุรา)"เมรัย"!!!

  53. คนเล่นก็มีแล้ว..สนามก็มีแล้ว..ลูกบาสก็มีแล้ว..แต่หาคน"เป็นห่วง" ไม่ได้ ?!

  54. จำไว้.. "ห่างกันซักพัก"..เป็นคำสุภาพที่สุดของคำว่า "เลิกกันเถอะ"!...

  55. ต้องกินน้ำตาลเพิ่มแค่ไหน...ถึงจะเข้าใจคำว่าหวาน...หัดมองดูคู่รักชาวบ้าน...จะได้เอามาหวานกับกู!!!

  56. ผมไม่ใช่ "ณเดช" แต่ไม่ปฏิเสธว่าหน้าคล้าย! อิ๊ววว

  57. บางคนไม่ได้รอเพราะ "อยากรอ"... แต่ที่รอเพราะ "ไม่ลืม"!!!

  58. กู ไม่ใช่ "สีทาบ้าน" .. ที่เจอ ทุกสถานการณ์ !!.. แล้วบอกว่า "ทนได้" .. ^ ^

  59. "แฟน" ไม่ใช่โพส ที่พอถูกใจก้อจะมาขอแชร์ !!

  60. สารภาพผิด...ลดโทษลงกึ่งหนึ่ง สารภาพรัก...เพิ่มความคิดถึงเป็น 2 เท่า

  61. อย่าดีเกินไป จนดูไร้ค่า .. แต่ก็อย่าลีลาเดี๋ยวโดนหมาคาบไป !!

  62. แรกรักเหมือน "น้ำตาล" ทุกอย่างหวานกันไปหมด...พอนานไป "ล ลิง" หายก็สลด!.. คงเหลือแต่หยด "น้ำตา"!!!

  63. ความโสดไม่ใช่เนื้อคู่....ไม่ต้องอยู่กะกูตลอดไปก็ได้!!

  64. "ยา" ที่ดีที่สุด เวลาที่ทะเลาะกับแฟน .. คือ "การนึกถึง 1 นาทีแรกที่ได้เป็นแฟนกัน" . . .

  65. เธอน่ะผู้ชายอก 3 ศอก!... แต่ฉัน..มันแค่ผู้หญิงอก 36 !!! เคป่ะ!!

  66. สิ่งที่ทนที่สุดคือ..หน้า!.. สิ่งที่กล้าที่สุดคือ..ใจ!..สิ่งที่ไวที่สุดคือ..ปาก!..สิ่งที่มากที่สุด คือ..อารมณ์!..สิ่งที่คมที่สุดคือ..คำพูด! . . .^^

  67. ไม่เคยขอให้เลิกเจ้าชู้!..แต่โปรดบอกเด็กที่เธอคั่วอยู่ ว่า...ถ้าคิดจะเป็นชู้โปรดรู้จุดยืน!!...หุหุ!!!

  68. "โกหก" เป็นอาวุธที่ทรงอานุภาพมากที่สุดเท่าที่มนุษย์สามารถสร้างขึ้น...ไม่มีผลทาง กายภาพ แต่!.. สามารถทำให้ "ใคร" สักคน ตายทั้งที่ยังหายใจ!!! หุหุ

  69. ความสุขของเด็ก คือ "การเล่น" .. ความสุขของหนุ่มสาว คือ "ความรัก" .. ความสุขของวัยกลางคน คือ"การทำงาน" .. ส่วนความสุขของคนแก่เฒ่า คือ "ความทรงจำ" ~

  70. ไม่อยากทำตัวดีเหมือนนางฟ้า!... เพราะไม่คิดว่าจะเอา "เทวดามาทำแฟน"!!!

  71. "ไม่เป็นไร" มัก ไม่ใช่ ประโยค "ปฏิเสธ" แต่เป็น ประโยค "ปลอบใจ" ขึ้นอยู่กับว่า ปลอบใจ "เค้า" หรือ "ตัวเราเอง" !?!

  72. ชอบหยอด คำหวาน เพื่อบริหาร ความ "แรง" !?!! .

  73. ใครเป็นคนคิดให้ "ช" กับ "ข" อยู่ติดกันบนแป้นพิมพ์เนี่ย ?... จะพิมพ์คำว่า "ขอบคุณค่ะ" ก็..ดันพิมพ์เป็น "ชอบคุณค่ะ" ตลอดเรย !!!!!! ^_^ เอ๊วววว

  74. คนเราถ้าเคย featuring กันแล้ว!... มันต้องหาทางไป backing track กันอีกรอบ !!

  75. ถ้าให้ความสำคัญกับทุกๆคนเท่ากันหมด... แล้วคำว่า"คนพิเศษ" จะสำคัญอะไร ?!

  76. แม้ละคร "รักไม่มีวันตาย" จะมาถึงตอนจบ... แต่สำหรับ "รักไม่มีวันเจอ" อย่างเรายังคงต้องดำเนินต่อไป ^ ^ "

  77. เป็นโสด" ก็เหมือน "ของสด" ราคาไม่ลดแถมมีแต่คนอยากได้ !

  78. อยู่แบบคนโสดไม่มีแฟนดีกว่าเจอคนมีแฟนแล้วแกล้งโสด! อิอิ

  79. คน"มากรัก" เอา "ใจ" ไว้ที่ "ปาก"....คน "รักมาก" เอา "ปาก" ไว้ที่ "ใจ" ^~

  80. ตาเหมือนพ่อ!...จมูกเหมือนแม่!!...แต่ความตอแหลไม่เหมือนใครเลยย 555+

  81. ความสุขของคนโสด ๆ...คือการนั่งโพส facebook อิอิ

  82. อากาศร้อนแบบนี้...ต้องใส่เครื่องประดับที่เป็นทอง !..เพราะ "ทองไม่รู้ร้อน"...!

  83. " ความกลัว" ทำให้ความสามารถในการมี "ความรัก" ลดลง!

  84. ผู้ชาย...ชอบใช้คำว่า อกหัก เปนข้ออ้างเวลาอยาก..จีบสาว ผู้หญิง...ชอบใช้คำว่า อกหัก เป็นข้ออ้างเวลาอยาก..อยู่คนเดียว!

  85. "ยามฝนตก" ผู้ที่อยู่ใต้ฟ้าย่อมเปียกปอนกันทั่วไป แต่ทำไมเวลา ที่ "น้ำตาตกใน" คนที่อยู่ในใจถึงไม่เคยรู้สึกอะไรเลย

  86. แฟนดี ต้องไม่มี กิ๊ก แฟนตุกติก กูจะกิ๊ก บานตะไท 5555

  87. ที่คุณ "เสียวกัน" ไม่เคยเล่า ที่คุณ "เศร้าเนี่ย" เล่าจัง

  88. สุราไม่ได้สร้างวีรบุรุษ...แต่วีรบุรุษขาดสุราไม่ได้...

  89. เป็นโสด 10 ปียังไม่สาย...ถ้าสุรายังมีขายที่ seven!!!

  90. บางสิ่ง "คิดได้แต่พูดไม่ได้" ... บางอย่าง "รู้สึกได้แต่แสดงออกไม่ได้"...บางครั้ง "บางสิ่งและบางอย่าง" ก็เป็นเรื่องเดียวกัน!?! ..

  91. สุขหรือทุกข์ เรารู้ อยู่ที่จิต ... ถูกหรือผิด เรารู้ อยู่ที่ผลดีหรือชั่ว เรารู้ อยู่ที่ตน ... มีหรือจน เรารู้ อยู่ที่ใจ

  92. อย่าทำในสิ่งที่ "ไม่มีสิทธิ์" . . . อย่าคิด' ในสิ่งที่ "ไม่มีค่า" . . . อย่ารอ' ในสิ่งที่ "ไม่มีมา" . . . . อย่าไขว่คว้า' ในสิ่งที่ "ไม่มีจริง"

  93. ส่วนที่ยากที่สุด .... คือ การก้าวข้ามจาก "คนรู้จัก" มาเป็น > "คนรู้ใจ" . . . แต่ !?! ส่วนที่ยากเกินไป... คือ เปลี่ยนจาก "คนรู้ใจ" > ให้กลายเป็นแค่ "คนรู้จัก" . . .

  94. เคลียกับกูให้จบก่อน...ค่อยไปกะล่อนมีคนใหม่...แต่ถ้ามีคนอื่นก่อนแล้วไม่เคลียกันไป...ระวังชีวิตมึงไว้มันจะจบไปก่อนวัยอันควร !!

  95. ความรักไม่ได้ถูกทำลายโดยบุคคลที่สามเสมอไป!...บางครั้งเราทำ เสียเอง...และบุคคลที่สามเพียงแค่เก็บไปซ่อมเท่านั้น…!

  96. คนเข้าตาอ่ะมีเป็นร้อย... แต่ทำไมคนเข้าใจมันมีน้อยจังว่ะ ?!

  97. หล่อแล้วหยิ่งจะไม่ว่า...ถ้างั้นขอให้พี่ไปสำรวจหนังหน้า...แล้วไปทำการรักษา...แล้วค่อยมาหยิ่ง !!!

  98. แฟน"ไม่ดี" มีทำไมให้อายหมา...แฟน"บ้าๆ"มีไปก็ไร้ผล...แฟน"ชั่วๆ"มีไปก็อับจน .... สุดจะทน "ก็เลิกซะ" อย่าเสียดาย !! ...

  99. ไม่ต้อง "เศร้า" กับคำว่า "โสด" เพราะ!! เราอยู่ในโหมด "อิสระ" !?! . . .

  100. เหตุผล ของ "ผู้ชายเจ้าชู้" ! ! คือ . . ทนอยู่กับผู้หญิงคนเดียว ไม่ได้...เหตุผล ของ "ผู้หญิงหลายใจ" คือ . . ยังหาคนที่ใช่ ไม่เจอ !~...

  101. การเป็น... "ส่วนเกิน" หมายถึง "มีตัวตน ในสายตา" แต่ "ไร้ตัวตน ในจิตใจ" !!

  102. "แผ่นดินไหว" เค้าเตือนให้ ระวังตัว!! . . . แต่ถ้า "แฟนเริ่มชั่ว" ให้ ระวังหัวใจ !!

  103. "ฉันดูแลตัวเองได้" เป็นคำบอกเลิก!...ที่อยู่ในประโยค บอกเล่า ..!!

  104. เวลาช้างจูบกัน...งาของมันจะต้องทิ่มแทงอีกตัวหนึ่ง... เหมือนธรรมชาติสอนเราว่า.. "เมื่อเริ่มรักก้อจงพร้อมที่จะรู้จักความเจ็บปวด" ~

  105. รัก "แฟน" มากกว่า "เพื่อน" ... แต่ !! เชื่อใจ "เพื่อน" มากกว่า "แฟน" ...แต่ !! สิ่งที่ได้ ตอบแทน ... คือการ เสีย "แฟน" ให้กับ "เพื่อน" !!! ...

  106. ชีวิตไม่ใช่ "Cinema" อย่า" Drama" ใส่กู !

  107. "รักแท้" แพ้ "ลับหลัง" !!!! ((+_+))

  108. "ลิ้น"..เป็นอวัยวะในร่างกาย ที่แข็งแรงที่สุด !!...สามารถยกเอวให้ลอยได้ อูววส์ ^_^

  109. ชอบผู้ชาย "ผิวดำ" เราต้อง ขาว. . ชอบผู้ชาย "ผิวขาว" เราต้อง สวย... ชอบผู้ชาย "บ้ากาม" ระวัง! ซวย. . ชอบผู้ชาย "หน้าสวย" ระวัง เกย์ 5555+

  110. "ทำบุญ".. มีผล ชาติหน้า....แต่.. "ทำทั้งหน้า"!!.. มีผล "ชาตินี้" !!! หุหุ....

  111. "ผู้หญิง" บางคน พยายามศึกษาเรื่อง "บอล" เพื่อให้เข้าใจ "ผู้ชาย" . . . แต่ขอนะ "ผู้ชาย" อย่า!! หัดแต่งหน้า เพื่อที่จะ เข้าใจ "ผู้หญิง" เลย!!! 55555+

  112. "ลูกธนู"ที่ถูกปล่อยจากหน้าไม้...อันตรายน้อยกว่า"หอก"ที่แทงมาจากข้างหลัง!

  113. ...ที่ผู้หญิง"อ่อนไหว.."เพราะอยากให้ผู้ชาย.."อ่อนหวาน" ~

  114. "ทำดี"เราจะได้ดีชาติหน้า.... "เสนอหน้า" เราจะได้ดีชาตินี้ !!...อิอิ

  115. ‎4 สิ่งที่ทำให้ผู้หญิงสวยขึ้นได้ ...1.เครื่องสำอาง... 2.ศัลยกรรม... 3.โฟโต้ช้อป และสิ่งสุดท้ายคือ " จิ ต ใ จ " ~

  116. ความลึกซึ้งของคำว่า "ฝันดีนะ" ไม่ได้อยู่ที่ความหมาย ..แต่มันอยู่ที่ "ใครเป็นคนพูด" และ "ใครเป็นคนรับฟัง ^^

  117. ทำเป็นมาอวด..ว่ามีเมียไว้ทุกจังหวัด!... กูอยากถีบ!..ผัวกูมีทุกอาชีพกูไม่อยากจะคุย..!!!

  118. หน้าที่ของคน "โสด" คือ หาคนที่ดีที่สุดมาเป็นแฟน....หน้าที่ของ "คนมีแฟน" คือ หาคนที่ดีกว่าแฟนมาแทนที่!!

  119. "ไม่สำคัญว่า..จะหน้าชัดหรือหลังเบลอ!.. เพราะในเลนส์ตาฉันมีแค่เธอเป็นจุดโฟกัส"!! อิ๊ววว...

  120. มองแล้วชอบน่ะมี , แต่คบแล้วรู้สึกดีอ่ะ.. ยังหาไม่ได้ !!

  121. อย่ารับแอดเพื่อนที่ "หน้าตา" เพราะคุณอาจจะได้ "โฆษณา" มาเป็นเพื่อน (แท็กอยู่นั้นแหละ)

  122. Facebook เขาก็มี , E-Mail เขาก็มี , เบอร์โทร เขาก็มี , ติดอยู่อย่างเดียวที่เค้าไม่มี • • • "ใจ" ! 55+

  123. ถึงสระ"เอา"..จะฟังดูทะลึ่ง..แต่ถ้าไม่มีมัน.. วันนี้ก็ไม่มีคำว่า"เรา"น่ะ!

  124. ตบหน้าสิบครั้ง!...ก็ยังไม่เจ็บเท่านอกใจครั้งเดียว!!... แต่นอกใจสิบครั้ง...ก็ยังไม่ทรมานเท่าบอกเลิกแค่คำเดียว!!!

  125. บังคับตัวเองให้เลิก.."เหงา" ยังดีกว่าบังคับ.."เขา" ให้กลับมา^^

  126. ผู้ชายเหลือน้อย...ใช้สอยอย่างประหยัด... แต่ถ้าคบผู้ชายปากจัด... อย่าไปประหยัดคำด่า!!!

  127. คนอื่น "มีแฟน" ไว้คอยพยุง .. แต่เรา "มีพุง" ไว้ให้ความอบอุ่น!! ก๊าก

  128. เราอาจไม่จำเป็นต้องคาดเดาว่า...พรุ่งนี้ต้องจะเจออะไร...แค่เตรียมสติไว้ดีๆ..ไม่ใช่เดินไป..ลากเอาอดีตไป.. ตลอดทาง!!

  129. พยัญชนะในภาษาไทยและภาษาอังกฤษ..ที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัวคือ "พ. D"

  130. บางทีผู้ชายที่ดูฉลาด... อาจเป็นผู้หญิงต่างหากที่แกล้งโง่ !!

  131. บางคนไม่ได้ชอบคนที่หน้าตา... แต่ชอบคนชรา...ที่ร่ำรวย !!

  132. เป็นเมียข้าราชการ... มันผิดตรงที่ "อมของหลวง" นี่แหละ!!! หุหุ

  133. แท้..ไม่ได้แพ้แค่ใกล้ชิด...บางทีมันก็แพ้ " บัตรเครดิต " ด้วยเหมือนกัน!!!

  134. ในเมื่อ "ผอม" ไม่ได้...ก็ควรจะเรียนรู้ที่จะ "อ้วน" อย่างน่ารัก...!! 555555+

  135. พอมีรักชักอยากสันโดษ!... พอเป็นโสดชักอยากสรรหา!!!

  136. ผู้หญิงไม่ได้ต้องการเจ้าชาย!... แต่ต้องการผู้ชายที่คิดว่าเธอคือเจ้าหญิง!!

  137. รับสมัครนักศึกษา "คณะสุราศาสตร์"... ใครสนใจติดต่อ "กับแกล้ม"!!! 55+

  138. เกิดเป็น"ผู้หญิง"..อย่าหยุด สวย!...เกิดเป็น"ผู้ชาย"อย่าหยุดรวย!... จะได้มีเงินให้ผู้หญิงสวย ตลอดไป!!! หุหุ

  139. ต่อให้ "โทมัส ทอร์" คิดค้นแชมพู "sunsilk" สูตรฟื้นฟู "ผมเสีย" ขึ้นมา..แต่ถ้า "เสียผม" ไป.... "โทมัส ทอร์" ก็ช่วยไรคุณไม่ได้หรอก...!!!

  140. อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด!...ขนาดคุมกำเนิดยังเกิดได้ !!

  141. คนไม่กล้าบอกรักมีสองอย่าง.... 1.เขิน 2.กลัวคำตอบ !

  142. ในเกม..ตัวสำรองได้เล่นเมื่อตัวจริงเจ็บ!.. แต่ใน.."ความรัก" ตัวสำรองเจ็บตั้งแต่ตัวจริงลงเล่น!!

  143. "ลบฉันออกจากเพื่อน".. ไม่เป็นไร.. แต่ "อย่าบล็อก" ได้ไหม!..เพราะฉันยังอยากรู้ "ความเคลื่อนไหวของเธอ" 555+

  144. ผู้หญิงไม่ได้ชอบผู้ชายเลว...แต่ผู้ชายมันชอบมาเลว!หลังจากที่ผู้หญิงรัก...!!!

  145. ทำดีให้คนเกรง... ดีกว่าเป็นนักเลงให้คนกลัว

  146. หน้า "หมา" แต่ "ใจดี"..ยังดีกว่า หน้า เกาหลี แต่ "ใจหมา"!!!

  147. "Good รัก"...ถ้าฟังด้วยหูคือคำ "บอกลา"... แต่ถ้าอ่านด้วยตาคือ "คำบอกรัก" ~

  148. คำว่า "รักตัวเองก่อน..ก่อนจะรักคนอื่น"... เป็นคำสอนของคน "เคยรักคนอื่นก่อน ก่อนรักตัวเอง"...

  149. ตอนเด็ก ๆ กลัวโดน "ลักพาตัว"... พอโตมา กลัวโดน "รักพาไป" อิ๊ววววว

  150. file not found!.. คือปัญหาที่เจอในคอมพิวเตอร์... แต่ Fan not found!! เป็นปัญหาที่เราเจอเป็นประจำ!!! หุหุ

  151. ปากกาที่ไม่มีหมึก...บางครั้งก็ทําให้เกิดรอยบนกระดาษได้..คําพูดที่ดู เหมือนไม่มีอะไร... บางครั้งมันก็ทําให้เกิดแผลภายในใจคนเราได้เหมือนกัน ~

  152. จะอยู่เป็น "แพนเค้ก" ในใจพี่... หรือจะอยู่เป็น "ตุ๊กกี้" สำหรับมัน.. เลือกเอา!!

  153. ตอนที่ "ชอบ"...ทำไมไม่ยอม "เลว"!? . . . เสือกมา "เลว" ... "ตอนกูรัก" . . . !

  154. เจ้าชู้คืออะไร?? ..ไม่เข้าใจ เพราะทั้งหมด..ที่ทำไป!..ก็แค่ 'อัธยาศัยดี' ^^ ...อิกอิก..

  155. เพราะนี่คือ "Facebook" ไม่ใช่ "Heartbook" เลยรู้หน้าแต่ว่าไม่รู้ใจ..

  156. ตอนเลิกกันบอกฉันดีเกินไป..ตอนจะจีบทำไมไม่เจียมตัว???

  157. รักดี ๆ ไม่ต้องมีโปรโมชั่น ..รักสั้น ๆ ต้องเลือกโปรโมชั่นดี ๆ

  158. ไม่เห็นว่ามีใครอยู่ข้าง ๆ ..แต่ก็ไม่ได้แปลว่า"ว่าง"สำหรับใคร ๆ

  159. ร้อยคำรัก ไม่สั่นสะท้านเท่า หนึ่งคำลา ร้อยคำนินทา ไม่สั่นสะท้านเท่า หนึ่งคำโกหก

  160. วันนี้ฉันเรียนรู้ว่า "ความสุข" มันมีหน้าตาเหมือนคนที่เรารัก...กำลังหัวเราะอยู่

  161. "ความรัก" ไม่มีเปลี่ยนแปลง มีแต่ "คนรัก" นั่นแหละ...ที่เปลี่ยนไป

  162. ถึงผมจะไม่หล่อเหมือนคนอื่น แต่ผมจะไม่มีคนอื่นเหมือนคนหล่อ..

  163. อย่าหาเหตุผลกับผู้หญิง และอย่าหาความจริงกับผู้ชาย

  164. อาจารย์ สอนให้รัก ในความรู้ .. แต่เธอ สอนให้รู้ ในความรัก

  165. สงกรานต์ปีนี้!!...ขอน้ำสาดซักขัน . . เอา "ขันถึงชิด" จะได้ "คิดถึงฉัน"...แอร๊ยยยยส.....

  166. หน้าตาคล้ายคน...รถยนต์ไม่มีขับ...โทรศัพท์กล้องเสีย ข้อดีไม่มีเมีย!..ข้อเสียไม่มีตังค์!!...

  167. การ "แอบรัก" ใครข้างเดียว .. ก็เหมือน "ผ้าอนามัย" .. เพราะ "ทุ่มเท" เท่าไหร่ ก็ "ไม่มีวันไหลย้อนกลับ" !!..

  168. คนที่ใช่ ... มาไม่บ่อย คนที่คอย ... มาไม่ถี่ คนที่รัก ... ไม่มาซักที!! คนไม่รักดี ... จะมาทำไม ?!!

  169. คิดถึงก็โทรมา.. ห่วงหาก็โทรได้.. ทะเลาะกับเขาโทรมาก็ไม่เป็นไร.. รอรับสาย 24 ชั่วโมง!!

  170. ขณะที่เธออยู่บนเตียง แล้วร้อง "อ๊าาาาา~"ฉันคงกำลังกินหญ้า แล้วร้อง "มอออออ~"

  171. ผู้ชายที่ดีในสายตาหญิง : จีบจริง! จ่ายจริง! กลอกกลิ้งนิดหน่อย! กินตับแล้วอร่อย!! ยิ่งบ่อยยิ่งดี!!! อิอิ

  172. ไม่ต้อง "รักเต็มร้อย" ขอแค่ "รักน้อย ๆ แต่ "เต็มใจ"

  173. ถ้า..ฤดู "ดอกรัก" ยังไม่ผลิบาน.. แสดงว่า ฤดู "ขึ้นคาน" ยังไม่ผ่านไป!

  174. ~แฟน~ ก้อเหมือน แปรงสีฟัน , , , ผู้เชี่ยวชาญแนะนำหั้ยเปลี่ยนทุกสามเดือน !!

  175. ที่โพสต์ออกสื่อหน่ะ "ตัวจริง"!... แต่ที่พาไปซิ่งอ่ะ "ตัวสำรอง"......!!! หุหุ

  176. ชายในฝัน : เหล้าไม่กิน.. บุหรี่ไม่สูบ.. ลูบหน้าต้องเจอดั้ง.. ขอตังค์ต้องกล้าให้ !!

  177. จงเรียนรู้ที่จะมีความสุข "ด้วยใจ"... ไม่ใช่ "ด้วยใคร"!!

  178. "จริงใจ ไม่จริงจัง" จะต่างอะไรกับ... "ความห่วงใย" แต่ ไม่ใช่ "คนสำคัญ"

  179. หน้าตา ไม่ดี , ฐานะ ไม่ดี , นิสัย ไม่ดี , ที่เป็นแบบนี้.. เพราะอยากหนี คำว่า "ดีเกินไป" !!!

  180. กูไม่ใช่ "อิชิตัน" !?! .. ที่แดก "กีวี่" แล้วแถม "อัญชัญ" . . ถ้ามึงจะมีมัน..ก้ออย่ามีกู !!

  181. แรกๆเรียก "สุดที่รัก" ...หลัีงๆเรียก "สุดที่จะรัก" !!

  182. ตกลงว่า !! ..มึงจะเป็น แฟน รึว่า ผี ... คบกันมาตั้งกี่ปี หลอกกูไปกี่ที จำได้ไหม !?!

  183. "ผู้ชาย" จะดูดีมี "คุณค่า" ต้องรู้จัก ลองเล่นหลายท่า อย่าทำตัวหั้ยใครว่า "เมิงมานไร้ค่า" เพราะ .. "เล่นเป็นอยู่ท่าเดียว" !!

  184. ไม่ใช่ "ขี้มูก" .. อย่า "สั่ง" . . . ไม่ใช่ "ขี้จุกตูด" .. อย่ามา "เบ่ง" . . .ไม่ใช่ "โรงงานทอผ้า" อย่าเอาแต่ "ด้าย" . . . ไม่ใช่ "เจ้าชาย" .. อย่า "เอาแต่ใจ"

  185. "อุปสรรค" ที่ผ่านเข้ามา ให้ถือซะว่าเป็น "บททดสอบ" . . . ถ้า "รักแท้" คือ "คำตอบ" . . ยิ่งทดสอบ คำตอบยิ่ง "ชัดเจน" ^^

  186. โปรโมชั่นรับลมร้อน > ลองคบกันก่อน ดีไหม โปรฯ นี้ รับเฉพาะคนรู้ใจ > หมดโปรฯ เมื่อไหร่ ตัวใครตัวมัน....ก๊าก

  187. เวลารักต้อง "จัดหนัก" .. เวลาอกหักเลยต้อง "จัดเต็ม" >

  188. "คนอ้วน".. คือคนมีอันจะกิน!..ทำไมต้องชอบมาว่า...อ้วนแล้วน่าถนอมน่ารักษา...คราวหลัง อย่ามาว่า...เดี๋ยวกูจะจับมาฆ่า!..แล้วแดกเลย!!! หุหุ


----------------------------------------------------------------------------------------------------------

ถ้ามัวแต่หาเตียงที่ดีที่สุด ค่ำนี้ก็คงไม่ได้นอน .. ถ้ามัวแต่หาร้านที่อร่อยที่สุด มื้อนี้คงไม่มีอะไรตกถึงท้อง ..

ถ้ามัวแต่ตามหาคนที่ดีที่สุด ชีวิตนี้ก็คงต้องอยู่คนเดียว...

เพราะความรักใช้ "หัวใจ" เป็นตัวชี้วัด จึงไม่สามารถตัดสินว่าใครที่ดีที่สุด..

ที่ทำได้ก็คือหาคนที่ "ใช่ที่สุด" ที่เราพร้อมจะ "หยุด" การตามหาไว้ที่เขาคนเดียว ^o^


อากาศหนาวคิดมุขไม่ออก มีแต่มุขกากๆ

เพราะเวลาหยอดมุขตอนหนาวๆเนี้ยะ ต้อง

"หยอดให้กาก" ....... เพราะมัน " อยากให้กอด"


ความรักคือการ "เกื้อกูล" ไม่ใช่ "ก้าวก่าย"

ความรักต้องมีการ "มอบให้" ไม่ใช่แค่ "เรียกหา"

ความรักต้องมีการ "ให้ไป" ถึงจะ "ได้มา"

ความรักต้องใช้ "เวลา" ไม่ใช่แค่ "นาฬิกา" ที่ซื้อให้กัน


ความรู้ที่น่าเสียดายที่สุดก็คือ "รู้อย่างนี้"...

ความคิดที่น่าเสียดายที่สุดก็คือ "น่าจะทำ"...

คำพูดที่น่าเสียดายที่สุดก็คือ "น่าจะพูด"...

สำหรับความรักแล้ว คำว่า "น่าเสียดาย" มันอาจจะน้อยเกินไป...

เมื่อนึกย้อนไปคิดถึงสิ่งที่เราอยากจะ.. คิด.. ทำ ..หรือพูดอะไรออกไป.. แต่ไม่ได้ทำมัน...

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง.. ถ้าโอกาสนั้นมีเพียงแค่ครั้งเดียว

ความรักต้องทำให้โลกเราสองคน "กว้างขึ้น" ไม่ใช่ "แคบลง"...

ความรักมีอีก "หลายคน" ที่เกี่ยวข้องโดยตรง ไม่ใช่แค่ "เธอกับฉัน"...

ความรักไม่ใช่แค่ "ไว้ใจ" แต่ต้อง "ซื่อสัตย์" ต่อกันและกัน...

ความรักคือการ "หมุนรอบกัน" ไม่ใช่ให้ "เธอหมุนรอบฉัน" หรือให้ "ฉันหมุนรอบใคร"...^^


จงบินให้สูงกว่าที่คิด เพราะชีวิตสั้นกว่าที่หวัง

จงพูดให้น้อยกว่าที่ฟัง และทำให้มากกว่าที่พูด

จงรักให้น้อยกว่าที่รักเพราะอาจอกหักใจสลาย

จงดีให้มากกว่าที่ร้าย และอภัยให้มากกว่าที่ชัง

จงกลัวให้น้อยกว่าที่กล้า และศรัทธาให้มากกว่าที่เห็น


แม่เคยสอนว่า...ถ้ามีคนจับ"หน้าอก"..ให้บอกว่า "อย่า"!...ถ้ามีคนจับข้างล่าง ให้บอกว่า"หยุด"!

...แล้วถ้าจับพร้อมกันละ?!.. อันนี้แม่ไม่ได้บอก! แต่หนูคิดเอาเองว่า"อย่าหยุด อย่าหยุด"!!! 555^^"


การคาดหวังก็เหมือนกับการเอา.."กะละมัง"..ไปรองรับไวน์ชั้นเลิศราคาแพงนั่นแหละ!!..

ต่อให้ไวน์นั้นมีราคาสูงสักขนาดไหน..แต่ด้วยปริมาณที่มองเห็นว่า "น้อยเกินไป" ย่อมทำให้เราไม่เห็นถึงคุณค่าของมัน...

ความรักก็เช่นกัน... ถ้าเราตั้งความหวังจากคนที่เรารักมากเกินไป... เราก็จะไม่เห็นคุณค่าในสิ่งที่เขาทำ ...

ไม่ต้องไปนับไปจำหรอกว่าเขาให้เราได้เท่าไหร่!!... ขอแค่ทุกอย่างที่เขาให้ ล้วนออกมาจาก "ใจ" ก็เพียงพอแล้ว...~

เรือถ้าผูกไว้กับฝั่งก็จะไม่อับปาง...แต่เรือไม่ได้ถูกสร้างเพื่อเทียบท่าเฉยๆ...

เรือที่ดีต้องนำพาผู้โดยสารฝ่าฟันคลื่นลมไปถึงฝั่งอย่างปลอดภัย...

ความรักก็เช่นกัน...เราไม่ได้เกิดมาเพื่ออยู่ด้วยกันตลอดเวลา...

คนรักที่ดีก็คือ..คนที่มีความมั่นคงในรัก...

แม้จะไม่ได้อยู่ข้างกันก็ไม่แบ่งปันหัวใจไปให้ใครอื่น... นี่แหละคือความรักที่แท้จริง ^^

"รักสามเส้า"...ก็คือความเศร้าจากราคะสามหน่วยนั่นแหละ...

ปฐมเหตุแห่งการมีรักสามเส้าคือ...ความใจอ่อน .. ไม่เด็ดเดี่ยวในการเลือก...ไม่เด็ดขาดในการปฏิเสธ...

ปล่อยให้เริ่มต้นง่ายๆ แล้วปล่อยให้เลยตามเลย...จนมาถึงจุดที่อ้างได้ว่าสายเกินไป! ตัดใจไม่ได้สักทาง!!!.....~

ฉันพิสูจน์แล้วว่า "เฟคบุ๊ค" ต่างกับ "เธอ" ตรงที่...

"เฟคบุ๊ค" ส่งคำขอเป็น < เพื่อน > "ฉันยินดีที่จะรับ"

แต่ "เธอ" ส่งคำขอเป็น < เพื่อน > "ฉันรับไม่ได้จิงๆ" T__T...ทำไมไม่ส่งคำขอเป็นแฟนน่ะ หึหึ!!


เพราะแกนโลกเอียง!..เมื่อโลกหมุนรอบตัวเองและโคจรรอบดวงอาทิตย์...

อากาศบนโลกจึงมีการเปลี่ยนแปลงไป "ตามฤดูกาล"..

แต่โลกก็ยังโคจรรอบดวงอาทิตย์อยู่เสมอไม่เปลี่ยนไป..ฉันใดฉันนั้น!!...

เพราะหัวใจของคนเราเอียงไปอยู่ด้านซ้าย!..

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่คนเราจะเปลี่ยนแปลงไป "ตามกาลเวลา"..

แต่ถ้าเรามีความรักที่แท้จริงมอบให้แก่กันและกัน... รูปแบบการแสดงออกอาจจะเปลี่ยนไป..แต่ความรู้สึกดีๆข้างในมันจะยังเหมือนเดิม ^~


ไก่งาม เพราะ ขน

คนงาม เพราะ แต่ง

สำออย เพราะ เสแสร้ง

ที่ชอบ"แย่ง" เพราะ "สันดาน"

เด็กอยากได้อะไร..เค้าบอกกันตรง ๆ...ไม่ได้ดั่งใจก็ร้องไห้เสียงดัง ๆ!...

พอโตเป็นผู้ใหญ่..อยากได้อะไรกลับไม่บอก...ได้แต่ตอบว่า 'ไม่เป็นไร ๆ '.

..ทั้ง ๆ ที่ข้างในร้องไห้เสียงดังกว่าเด็ก ๆ !!!! จิงม่ะเค๊อะ!!

แม่จ๋า! นู๋เบื่อ"ผู้ชาย" !!

1.ปริมานเหลือน้อย

2.ด้อยคุณภาพ

3.ที่ดีดีมีแต่ในนิยาย

4.ตื้อแทบตายสุดท้ายกลายเป็นเกย์

5.ทำเป็นเท่ห์เหมือน"พี่โดม"แต่หน้าโทรมเหมือน"ส้นตีน"!!! ก๊ากกกกก


เราเปลี่ยนโลกให้หมุนช้าลงเพื่อไม่ให้เราตื่นสายไม่ได้... แต่เราสามารถตื่นเช้า ๆไ ด้...

เราเปลี่ยนโลกให้หมุนเร็วขึ้นเพื่อนั่งชมดาวสวย ๆ ไม่ได้...แต่เราสามารถนอนแต่หัวค่ำเพื่อตื่นขึ้นมาดูได้...

ความรักก็เช่นกัน!..โลกส่วนตัวของเขานั้นเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้

ถ้าเราเลือกที่มอบความรักและใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับเขาตลอดไป เราก็ต้องรู้จัก "ปรับใจ"

ที่จะเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับโลกของเขา และช่วยกันสร้าง "โลกใบใหม่ของสองเรา" ขึ้นมา

บางทีการ "นิ่ง" ไม่ได้หมายความว่า "ไม่รู้สึก"...

"นิ่ง" ไม่ได้หมายความว่า "หยุดคิด"...

"นิ่ง" ไม่ได้หมายความว่า "ไร้จินตนาการ"...

.แต่!!.. บางที การ "นิ่ง" คือการ "มีสติ" และ "ไตร่ตรอง" ในทุกสิ่งอย่างที่สุด!! . . .


วงจรของ "ผู้ชาย" ที่ชอบทำผิด . . .

1. ->ทำผิด 2. ->ปฏิเสธ 3. ->ทำผิดอีก 4. ->ถูกจับได้คาหนังคาเขา ... สุดท้าย

ค่อยยอมรับ ต่อมา : ขอโทษ > ทำตัวดี > ทำผิดอีก > ขอโทษ !! > วนไปข้อ 1 ใหม่ 555+

"ในเมื่อมึงไม่ใช่ "เทวดา"... มึงจะถามหา "นางฟ้า"... ไปเพื่ออะไร !?! . . .

มาหาว่า.. กูทำตัว วุ่นวาย!!.. แล้วถ้ามึงไม่ทำตัว "ควาย-ควาย" ความวุ่นวาย.. มันจะเกิดขึ้นไม๊" !?


ถ้าดาวทุกดวงบนฟ้าส่งใครสักคนลงมาให้คู่กันได้จริง ๆ ป่านนี้ก็คงไม่หลงเหลือคนโสดอยู่บนโลกแล้วล่ะ...

เพราะดาวบนฟ้ามีมากกว่าประชากรบนโลกเสียอีก...หยุดอ้อนวอนขอดาว หาหมอดูผูกดวงเสี่ยงเซียมซีหาคู่...

แล้วนำเวลาไปพบปะผู้คนเปิดใจทำความรู้จักคนรอบข้างจะดีกว่าไหม...อยู่แต่กับตัวเองแล้วเมื่อไรจะพบเจอคนที่ใช่กับเขาสักทีล่ะ!!!...

ไม่แปลกอะไรที่ตอนจีบคุยโทรศัพท์กันได้เป็นชั่วโมง ๆ พอตกลงเป็นแฟนแล้วกลับคุยได้ไม่กี่นาที

ก็ก่อนหน้านั้นต่างคนต่างเล่าประสบการณ์ชีวิตที่มี ก่อนที่จะได้มาพบกัน เลยมีเรื่องราวมากมายเล่าได้ไม่รู้จบ

เมื่อคบเป็นแฟนแล้วนั้นประสบการณ์ต่างๆ เราก็ทั้งพบเจอ ผ่าน และเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กัน

แล้วจะมาคาดหวังให้โทรคุยกันนาน ๆ ให้เหมือนเดิมนั้นไปเพื่ออะไร ?

มีดใช้หั่นผักปอกผลไม้ แต่บางคนนำไปใช้ฟันแทงกัน ความผิดนั้นตกอยู่ที่ใคร ?

ขวดแก้วใช้บรรจุน้ำ แต่บางคนนำไปทำเป็นปากฉลามใช้ทิ่มแทงกัน ความผิดนั้นตกอยู่ที่ใคร ?

ความรักมีไว้สร้างรอยยิ้มและความอบอุ่นใจ แต่บางคนนำไปใช้เพื่อหลอกลวงกันให้มีน้ำตา

อยากจะถามว่า มันผิดที่ "ความรัก" หรือผิดที่ "ตัวคน" ?

ความรักไม่เคยทำร้ายใคร ถ้าคนไม่นำมันไปใช้อย่างผิดทาง

"แฟนมีไว้เพื่ออะไร" !?! : มีไว้ให้กูรัก ไม่ใช่มีไว้ให้กูทน , มีไว้ให้กูยิ้ม ไม่ใช่มีไว้ให้กูเบื่อ ,

มีไว้ให้กูปรึกษา ไม่ใช่ให้กูไประบายกะหมา , มีไว้ให้กูรู้สึกดี ไม่ใช่มีไว้ให้กูเอือมระอา ,

มีไว้ให้กูดีใจ ไม่ใช่มีไว้ให้กูชินชา , มีไว้ให้กูอุ่นใจ ไม่ใช่มีไว้ให้กูเสียใจ ,

มีไว้ให้กูถูกเอาใจ ไม่ใช่มีไว้ให้กูถูกละเลย , มีไว้ให้กูได้มีเวลาอยู่กะเขาไม่ใช่ มีไว้ให้กูอยู่คนเดียว..!!!



เหงา” กับ 22 สถานะโดนใจ

  1. ‎”ความเหงา” มันมีฟันหรืออย่างไร ทำไมมันกัดกินหัวใจ…..อยู่ได้ทุกวัน….. / สเตตัส!!,,,โดนใจ [แรงส์]

  2. “เหงา” เป็นคำ “กริยา”, แต่ถ้าเกิดอาการขึ้นมา, รู้สึกว่า..มันเป็น “กรรม” / Thai Quote

  3. “Like”…”เงียบ”…”เหงา”…..!! หรืออาจเป็นเพราะเขา……”ไม่ว่าง”…T^T / สมาคมจี๊ด คำนี้เชยเชย

  4. การไม่มีใครซักคน > มันอาจทำให้เรา “เหงา” ~ แต่ก็ยังดีกว่า… ถ้ามีใครซักคน > แล้วมันจะทำให้เรา “มีน้ำตา”.ツ* / สถานะมันโดนใจ

  5. ไม่โสด” แต่เหงา!!! เพราะ…คนบางคน เค้าไม่สนใจT^T♥~* / หญิงมือหนึ่ง กรุงโซล

  6. เบื่อๆ เหงาๆ อยู่กับโทรศัพท์ .. ที่ไร้ > แม้แต่ “เสียงเรียกเข้า” !!! .. / สถานะ : บาด”ใจ”

  7. กรูส์”Hot”ในโลกออนไลน์ แต่กรูส์เหงาแระเดียวดายในโลกแห่งความจิง / Green Apple Club

  8. ชอบ ” อยู่คนเดียว ” , ไม่ได้แปลว่า ” อยากอยู่คนเดียว / “ความรู้สึกของหัวใจ ใครๆก็โดน”

  9. เหงา..เพราะเขาไม่ออน ยังดีกว่า เศร้า เพราะเห็นออน แต่ไม่ยอมมาคุย.. / สมาคมกะโหลกกะลา

  10. ‎”ความเหงา” อาจเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด ที่จะทำให้เราหยุดคิดกับชีวิตตัวเอง… / บาง คำ โดน’

  11. กูเกลียด’ความโสด’_ที่ปล่อยกูเหงา_อย่าง’โหดสัส’!! / สถานะแรงส์ คำมันโดน

  12. เคยไหม อยากนอนแต่หัวค่ำ จะได้ไม่โดนความเหงามันตอกย้ำกับคำว่า “ไม่มีใคร” / มุขเสี่ยว เกี้ยวสาว

  13. เดินไปข้างหน้าอย่าง”เหงาๆ” ดีกว่าเดินกลับไปทางเก่าแล้ว”ปวดใจ” / สมาคมมุขเสี่ยวๆ

  14. เหงา” ไม่เคยทำให้ใครตาย ก็แค่ “เหงาแทบตาย” / สมาคมคนรักเพื่อน

  15. คนกำลังเหงา..อย่าเอาเหล้าเข้ามาล่อ..~*# / หญิงมือหนึ่ง กรุงโซล

  16. ความหนาว” กับ “ความเหงา” 2 อย่างนี้ ถ้ามาพร้อมกันตอนกำลัง “เศร้า” บอกเลยว่า . . .”เหล้า” ก็เอาไม่อยู่ !! >< / คำมัน”โดนใจ”

  17. ถ้า “เขา” ไม่เหงา > “เรา” ก็คง ,,, ไม่สำคัญ T T / มุขเสี่ยว เกี้ยวสาว

  18. ก็แค่อยากได้ “เสื้อกันเหงา” ไม่ใช่แค่ “เสื้อกันหนาว” / มุขเสี่ยวๆ เดี๋ยวโก้จัดให้

  19. ถ้า “ความเหงา” มันมีตัวตน ,,ใครๆ หลายคน คงแต่งงาน กับมันไปแล้ว ! / Green Apple Club

  20. “อยู่คนเดียวไม่เห็นจะยาก” <— แต่ก็ —> “ไม่ได้อยากจะอยู่คนเดียว” / มุขเสี่ยว เกี้ยวสาว

  21. บางครั้งการที่เรานั่งดูรูปเก่าๆ มันก็ทำให้ความเหงา “เข้าจู่โจม” โดยที่เรา,,ไม่ทันตั้งตัว / สมาคมคนLikeรัก

  22. ความหนาว ,อาจทำให้ใครบางคนเหงา > แต่ความเหงาอาจจะทำให้ใครหลายคน หนาว!! / มุขเสี่ยว เกี้ยวสาว

22 สถานะโดนใจ ของคนใช้ Facebook

  1. คำว่า “แป๊บเดียว” ใน Facebook อาจจะหมายถึง “ครึ่งวัน” หรือ “ทั้งวัน” เลยก็ได้ / สมาคมคนรักเพื่อน

  2. ”Like”กูหน่อย .. กูไหว้ล่ะ (-/\-) / “ความรู้สึกของหัวใจ ใครๆก็โดน”

  3. คนธรรมดาคุยหน้าเฟส … คนพิเศษคุยช่องแชท ♥ / มุขเสี่ยว เกี้ยวสาว

  4. คนที่ “ติดfacebookมากๆ” ในอดีต…ล้วนเคยพูดว่า “facebook กูไม่เล่นหรอก” / สเตตัส!!,,,โดนใจ [แรงส์]

  5. เมื่อก่อน like รูป , like ลิงก์ , like สเตตัส > เดี๋ยวนี้ ” ไร้ ร่องรอย ” / หญิงมือหนึ่ง กรุงโซล

  6. เข้า Facebook เจอเพื่อนออนไลน์เป็นร้อย!! ก็ไม่ดีใจเท่าเห็นคนที่คอย..ออนเพียงคนเดียว / มุขเสี่ยว เกี้ยวสาว

  7. จีบเธอในโลก”ออนไลน์” หวังให้เธอมาอยู่ข้างกาย…ใน”โลกความเป็นจริง” >”<. / สมาคมคนเหงา

  8. เฟสบุ๊ค ,,, จะไม่น่าเล่น > ถ้าไม่เห็น ,,, ใครบางคน / สถานะมันโดนใจ

  9. ” status ” … คือ …สิ่งที่เราระบายความในใจ♥~ และมีความนัยถึงใครอีกคน♥~ / สถานะมันโดนใจ

  10. เมื่อไหร่…?? จะมีชื่อเราอยู่บนสถานะ ” คบหา ” ของเขาฟ่ะ >_<” / สถานะมันโดนใจ

  11. ถ้าเฟซมี ” ปุ่มโสด “♥ จะกดไลท์สักหมื่นครั้ง… แต่…ถ้ามี ” ปุ่มรักจัง “♥ … จะกดทุกครั้งที่ ” หายใจ ‘ … :P / สถานะมันโดนใจ

  12. ไม่กล้าไปโพส คำว่า ” Good Night ” ทำได้เเค่ กด ” Like ” ที่เธอทิ้งท้าย ว่าจะไป นอน / สถานะแรงส์ คำมันโดน

  13. รู้สึกว่า” facebook ” น่าเบื่อขึ้นมาก” ตั้งแต่ ” เทอไม่ ” ออน ” !!! / มุขเสี่ยวๆ เดี๋ยวโก้จัดให้

  14. สถานะ : ( ) โสด ( ) มีแฟนแล้ว ( ) แต่งงาน ( ) หมั้น ( ) หย่า (X) รอปาฏิหาริย์อยู่ / Green Apple Club

  15. ออนไลน์ แล้ว…ไม่ทัก ก็เหมือน…ไม่รัก แล้วยังมาให้เห็นหน้า / มุขเสี่ยว เกี้ยวสาว

  16. ร้อยคนน่ารักที่อยู่ในเฟส >>> ไม่เท่า “หนึ่งคนพิเศษ” ที่อยู่ในใจ !!! / มุขเสี่ยว เกี้ยวสาว

  17. จะทักเค้า ไอ้เรามันก็ไม่กล้า …. งั้นรอให้เค้าอัพสถานะดีกว่าแล้วเราก็แอบไป “กดไลค์”…. / มุขเสี่ยว เกี้ยวสาว

  18. บางครั้ง !! “facebook” ก็ทำให้เรา “รัก” การอ่านเป็น “พิเศษ”__< / ตุ๊กตาไล่ฝน

  19. สงสัย…Facebook แม่งเล่น “ไสยศาสตร์” กูเลย ” ขาดไม่ได้ ” / คำคมบาดจิต ความคิดบาดใจ

  20. พอเปิด facebook แล้วเธอ…ไม่ออน ก็อยากปิดคอม…นอนทันที / คำคมบาดจิต ความคิดบาดใจ

  21. หลายคนนั่งทุกข์ … เพราะเสือกไปแอบดู Facebook ของคนที่เคยรัก !!! / มุขเสี่ยว เกี้ยวสาว

  22. Facebook ทำให้กูเจอใครบางคน !!
    Facebook ทำให้กู แอบรักใครบางคน !!
    Facebook ทำให้กูอกหัก ทั้งที่ยังไม่ได้บอกรัก ใครบางคน!!
    ไอ้ Facebook มึงนะมึง !! / Green Apple Club

เคยไหม !!

  1. เคยมั้ย? โดนคนที่เราชอบ ,, มาปรึกษาปัญหาหัวใจ »» เพื่อไปใช้กับใครบางคน! / มุขเสี่ยว เกี้ยวสาว

  2. เคยไหม..? “สมัยม.ปลาย”ถึงไม่ได้ทำผิดอะไร..แต่ก็”เกลียด”อาจารย์ ฝ่ายปกครอง..!?! / หญิงมือหนึ่ง กรุงโซล

  3. เคยมั้ย ?… เปิด ” facebook ” ไว้ตลอดเวลา > ทั้งๆที่ไม่มี ความคืบหน้าอะไรเลย / สมาคมจี๊ด คำนี้เชยเชย

  4. เคยมั๊ย . . . . มี ‘แฟน’ แล้ว “รู้สึก เหงา” แต่พอมี ‘เขา’ แล้ว “รู้สึก ดี” !?! / สมาคมกะล่อนแห่งประเทศไทย

  5. เคยไหม? พิมข้อความตั้งยาว แต่ ” ลืม ” เปลี่ยนภาษา ><* / สมาคมคนเหงาแต่ไม่โสด

  6. เคยไหม !! ไม่กล้าเปิดใจ เพราะ หวังว่าใครบางคน “จะกลับมา” / คำคมๆของคนคันๆ

  7. เคยไหม? ” เธอ ” เขียน ” สเตตัส ” ทีไร นึกว่าเธอ ” เขียนถึงเรา ” ทุกที (>_<) / เคยไหม?

  8. เคยไหม? หลังจากที่ได้ยินคำว่า ” เป็นเพื่อนกันเถอะ ” 1% เป็นเพื่อนกัน99% ไม่คุยกันอีกเลย !!! ><* / เคยไหม?

  9. เคยไหม? เห็นเขา ” โพส ” ข้อความ ” เศร้า ๆ ” เราก็ ” เศร้าตาม ” ไปด้วย ToT / เคยไหม?

  10. เคยไหม? ” ฝืนยิ้ม ” ทั้งๆที่ในใจ ” ร้องไห้ ” ไปแล้ว ToT / เคยไหม?

  11. เคยไหม? เธอบอก ” ไม่ได้เป็นอะไร ” แต่เราก็ ” อดเป็นห่วง ” ไม่ได้อยู่ดี (>_<) / เคยไหม?

  12. เคยไหม? อยากจะ ” เริ่มใหม่กับใครซักคน ” แต่ ” กลัว ” สุดท้ายก็ ” จบแบบเดิม ” ToT / เคยไหม?

  13. เคยไหม? ” คิดถึง” แทบตายแต่พอเจอก็ ” เฉยๆ ” >< / เคยไหม?

  14. เคยไหม? ดูแล ” อย่างก่ะแฟน ” แต่ได้ใช้คำแค่คำว่า ” เพื่อน ” / เคยไหม?

  15. เคยไหม? รู้สึก ” งอน ” ที่เค้า…ไปทักคนอื่น ที่ ” ไม่ใช่เรา ” >< / เคยไหม?

  16. เคยไหม? คนที่คุณรักที่ กลับทำให้คุณเสียใจมากที่สุด :’( / เคยไหม?

  17. เคยไหม? ทำดี ” กับเธอ ” แล้วไม่หวังอะไร แต่ในใจจิงๆ กลับ ” ตรงข้ามกันเลย ” / เคยไหม?

  18. เคยไหม? ” เเอบรัก ” คนๆนึงจนทำให้เรา ” เจ็บ ” จนถึงทุกวันนี้ / เคยไหม?

  19. เคยไหม? อกหัก ทั้งๆที่ ” ยัง โสด ” !!! / เคยไหม?

  20. เคยไหม? ” ไม่เคยโพสต์ ” ไม่เคยทัก ไม่เคยถาม แต่ ” ติดตาม ” ทุกข้อความ ของความเคลื่อนไหว ><* ♥ ♥ / เคยไหม?

  21. เคยไหม? อยากให้ ” คนที่แอบชอบ ” มา ” กดไลค์ ” ให้เรา ” นานๆครั้ง ” ก็ยังดี ^____^ / เคยไหม?

  22. เคยไหม? ” โดนเธอ ” ให้ ” ความหวัง ” ทั้งๆที่เธอมีคนนั้นอยู่แล้ว >< / เคยไหม?

22 คำคม-สถานะ ของคนติดเฟส

  1. แค่เขามากด Like ,ทำไมหัวใจต้องเต้นแรงขนาดนี้ !! // มุขเสี่ยว เกี้ยวสาว

  2. เคยขยันทำงานมากกว่านี้..ตอนที่ยังไม่มี “facebook” // สมาคมแล้วแต่จะคิด

  3. จะ “สุข “หรือ “เศร้า” …เราก็มี “Facebook” อยู่เคียงข้าง // “ถุย”

  4. การบ้านท่วมหัว.. มัวแต่เล่นเฟส // สมาคมคนรักเพื่อน

  5. ออน”เฟซบุ๊ค” ก่อน”แปรงฟัน”รึยัง!? ^^ // “ความรู้สึกของหัวใจ ใครๆก็โดน”

  6. ไม่กล้า นอน กลัวเธอ ออน แล้ว ไม่เจอ !?! // สมาคมกะล่อนแห่งประเทศไทย

  7. หนึ่งคน พิมพ์ไป ร้องไห้ไป …..อีกหลายคน ไม่รู้เรื่องอะไร….. กด like ลูกเดียว // สมาคมกะล่อนแห่งประเทศไทย

  8. เคยมั้ย ?… เปิด ” facebook ” ไว้ตลอดเวลา > ทั้งๆที่ไม่มี ความคืบหน้าอะไรเลย // สมาคมจี๊ด คำนี้เชยเชย

  9. ตั้งสถานะว่า ” กำลังคบกัน ” > แสดงว่า ” ได้กัน ” แล้วหล่ะสิ // มุขเสี่ยว เกี้ยวสาว

  10. ถึงผมจะไม่หล่อ ผมก็ไม่เคยขอให้ใครไลค์รูป แล้วกัน // มุขเสี่ยว เกี้ยวสาว

  11. เหตุผล ของคน ไม่กด Like … คือ โพสต์หรือทำอะไร แล้วไม่ “ถูกใจ” หรือ ใครจะเถียง !?! // สมาคมกะล่อนแห่งประเทศไทย

  12. ถึงหน้า wall > จะดูเงียบๆ .. แต่ขอโทษ > message กูเพียบว่ะ !!! // สมาคมกะล่อนแห่งประเทศไทย

  13. ใจจริงก็อยาก กระทืบ Like เเต่ต้อง เก็บเเรงไว้ กระทืบ คน !!! // สมาคมกะล่อนแห่งประเทศไทย

  14. เริ่ม ที่นี่ >>> facebook
    รักเธอ ที่นี่ >>> facebook
    รอเธอ ที่นี่ >>> facebook
    แคร์เธอ ที่นี่ >>> facebook
    ดูแลเธอ ที่นี่ >>> facebook
    ถามคำถามเดิมๆ ที่นี่ >>> facebook
    รอฟังคำตอบเดิมๆ ที่นี่ >>> facebook
    ขอเบอร์เธอ ที่นี่ >>> facebook
    ให้เบอร์เธอ ที่นี่ >>> facebook
    กลายเป็นคนไร้ค่า ที่นี่ >>> facebook
    สุดท้ายก็จบ ที่นี่ >>> facebook //Lee Ji Sun

  15. ถ้าเล่น facebook , แล้วได้ เงินดี > ป่านนี้..กูขับ เฟอร์รารี่…ไปแล้ว // Green Apple Club

  16. ไม่ว่าคุณ จะตั้งชื่อ ใน “facebook” .. เป็นชื่อจริง หรือชื่อเล่น ?? + แอดมา .. เดี๋ยว! มันก็ถามอยู่ดี นั่นแหละ ว่า ~> “ชื่ออะไร” ?? .. // หญิงมือหนึ่ง กรุงโซล

  17. วันๆ มีแต่คำขอเล่นเกมส์ส่งมา เมื่อไรจะมีคำขอเป็นแฟนจากเธอส่งมาบ้างน้า // มุขเสี่ยว เกี้ยวสาว

  18. หัวใจมันพูดไม่เป็นคำว่ารัก นิ้วมันเลยทำหน้าที่หลัก กด Like ให้คิดถึง // มุขเสี่ยว เกี้ยวสาว

  19. ‎>สาเหตุที่กูออน<
    กูเหงา
    กูไม่ง่วง
    กูพอใจ
    ค่าไฟบ้านกูเอง
    เรื่องของกู
    กูรอ….เค้าออน?
    กูเพิ่งออน
    กูโสด // สมาคมจี๊ด คำนี้เชยเชย

  20. ผมชอบชัก…นะ ชอบ “ชักคำว่าไลค์” // มุขเสี่ยว เกี้ยวสาว

  21. บ่อยครั้ง ที่ อยาก ให้เธอ “สงสัย” ว่าคนที่ตามไปคอย กด “Like” มันคิดอะไรกับเธอ รึเปล่า ^^ // มุขเสี่ยว เกี้ยวสาว

  22. คำขอเล่นเกม .. “ไม่ต้องส่งมา” .. เรื่อง โฆษณา .. “อย่าแท็กมาหาฉัน” เรื่องการเมือง .. “ไม่ต้องพูดกัน” ทำงานวันละพัน .. “กูไม่เชื่อมึง” อาชีพอิสระ .. “กูก็ไม่อยากมี” อาหารเสริมดีๆ .. “กูตังค์ไม่ถึง” อยากหุ่นสวยเหมือนดารา .. มันก็ “เรื่องของมึง” เฟสกู เอาไว้อัพ “คำคมซึ้งๆ” .. ได้แต่หวังว่า วันนึง มึงจะ “เข้าใจ” !! // "ถุย"

22 สถานะเฟสบุ๊ค เน้น[แรงส์]

  1. ทำเป็น ‘แอ๊บ’ ไร้เดียงสา แต่ ‘สันดาน’ หมาไม่แดก…! // Green Apple Club

  2. ปรากฏการณ์ปี 2554 : เด็กไทยอายุ 15-17 เรียกคำว่า ‘แฟน’ เป็น ‘ผัว’ // zzSoFTzz

  3. วุฒิศักดิ์คงไม่ “เป๊ะ” ถ้าเจอ “ทั้งร่าน ทั้งเละ”… อย่างมึง !!!! // สมาคมกะล่อนแห่งประเทศไทย

  4. โปรดทราบๆ!! ที่รับ@เพราะอยากมีเพื่อน ไม่ได้อยากได้”ผัว”กรุณาอย่าคิดไปเอง!!! // สมาคมกะล่อนแห่งประเทศไทย

  5. โพสแรงๆบางครั้งโพสเอาฮา..แต่ถ้าบังเอิญไป “สะกิดหางหมา” อยากบอกว่า…ขออภัย // หญิงมือหนึ่ง กรุงโซล

  6. สุภาษิตวันนี้..! คบเด็ก..สร้างบ้าน..~*# คบคนสันดาน..มันสร้างแต่ปัญหา.. // หญิงมือหนึ่ง กรุงโซล

  7. ก่อนที่จะคิดดูแลคนอื่น … มึงยืนด้วยขาตัวเองได้รึยัง ??? // Green Apple Club

  8. มึงจะรักใคร มันก้อเรื่องของมึง !! .. ส่วนกูจะรักมึง ” มันก้อเรื่อง ของกู ” !!! // Green Apple Club

  9. ถ้าอย่างมึงเรียกว่า “หน้าตาดี”..~*# โลกนี้คงไม่มี “ปลวก” ไม่มี “ผี” เลยซักตัว.. // หญิงมือหนึ่ง กรุงโซล

  10. อยากฉลาดไป “แดกปลา”…อยากมีปัญญา “แดกวิตามิน”..!?!
    อยากแข็งแรง “ฉีดวัคซีน”…อยากแดกตีน…บอกกู…!?! // หญิงมือหนึ่ง กรุงโซล

  11. อย่าเหวี่ยง อย่าวีน …”ส้นตรีน” ไม่เข้าใครออกใคร!?! // สมาคมกะล่อนแห่งประเทศไทย

  12. กูเปนคนดี!!! ผัว4 แฟน2 กิ๊กอีก3 // น่าฮักสุดตีน

  13. พ่อเธอเป็น “ช่างไฟฟ้า” .. แม่เธอคงเก่ง “วิชาศิลปะ” .. !?! ลูกออกมาก็เป็นภาระ .. ชอบโกหก “สร้างกระแส” ชอบตอแหล “สร้างภาพ” !! // สเตตัส!!,,,โดนใจ [แรงส์]

  14. “สันดาน” ของฉัน!!…เปลี่ยนตาม “การกระทำ” ของเธอ!!……… // DaY bY DaY

  15. >>คิดจะ แรง จะร่าน…กลับไปเรียน ชั้นอนุบาลให้จบก่อนเถอะมึง…<< // หญิงมือหนึ่ง กรุงโซล

  16. ทำตัวแรงไม่ว่า,แต่อย่าทำตัวไร้ค่า,จนไม่มีอะไรดี // ALOOKP

  17. ไม่ได้ทำตัว แรง แค่ เสแสร้ง ไม่เป็น // สมาคม คำสุดคม&มุขสุดเสี่ยว

  18. ถึงกุจะ “แรง” . . ก็ยังแฝงความ “น่ารัก” ไม่เหมือนมึงอิ “ดั้งหัก” . . . ไม่เคย “น่ารัก” ยังเสือกอยาก “แรง” // parn_parichat

  19. ทำตัว “แรง” แต่จริงใจดีกว่าทำตัว “ใสใส” แต่ข้างใน “ตอแหล” // kikaa_rung

  20. สำหรับวัยรุ่นที่ทำ”ตัวแรงส์ๆ”…ถ้าคิดว่า”ถุงยางมันแพง”.!?!
    แนะนำให้ใช้ “ยางมัดแกง”กะ”ถุงก๊อบแก๊บ”..!?! // หญิงมือหนึ่ง กรุงโซล

  21. การส่องมีหลายแบบ
    ส่องเพื่อนินทา..*..
    ส่องดูเฉยๆ..*..
    ส่องแล้วกดไลท์..*..
    ส่องเปนมิตร..*..
    ส่องแล้วอิจฉา..*..
    ส่องสมน้ำหน้า..*..
    ส่องแบบหมาลอบกัด..*..
    ส่องตี2หน้า..*..
    และสุดท้ายมั่ยรุส่องทำเหี้ยรัย สาดดดด..*.. // DaY bY DaY วลีเด็ดๆๆ โดนใจวัยรุ่น

  22. จะทวงกันทำไมคะ “เครดิต” .. อีห่าแมร่งโรคจิต “มึงแดรกเครดิต” แทนข้าวหรา ?!?! // Lee Ji Sun

22 คำคมที่มีคนกด Like ระดับ 20,000-40,000 คน

  1. ไม่มีแฟน ไม่เหงาเท่า ไม่มีเพื่อน 42,688 others

  2. เจปีนี้ จะงดทุกเนื้อ … ยกเว้นเนื้อคู่ ^^ 42,779 others

  3. แกล้งทำเป็นไม่รัก ไม่ใส่ใจ แต่ข้างในทรมานแทบตาย 41,716 people

  4. สิ่งที่ยากที่สุดของการเริ่มอ่านสอบคือ เอามือออกจากเม้าส์และ signout “Facebook” 41,238 others

  5. มี “เพื่อน” เป็นร้อย…. ที่คอยเรา “ไปเที่ยว” มีแต่ “แม่” คนเดียว….. ที่คอยเรา “กลับบ้าน” 40,079 others

  6. ผ่าตัดหัวใจไม่ต้องใช้ “ยาชา”…. เพียงแค่เธอบอกลาก็”ชาไปทั้งหัวใจ” 39,334 people

  7. “คนโสด” ต้องโกรธครูภาษาไทย เพราะสอนแต่ สระอิ,สระอา, สระอุ, สระอู แต่ไม่ยอมสอนให้เรา .. “สละโสด” 36,783 others

  8. “รัก” เกิดจากคน”สองคน”… แต่ “เลิก” เกิดจากคน “สองใจ” 34,926 others

  9. อยากให้เป็นสถานะที่ “ถูกใจ” ไม่ใช่ สถานะที่ “ถูกลืม” 33,761 others

  10. อย่ารักษาน้ำใจด้วยการไม่ยอมบอก เพราะมันเป็นการหลอก ‘ที่เจ็บปวดที่สุด’ 32,357 others

  11. ทำเป็นครื้นเครงกับสถานะของคนอื่น …แต่กลับต้องมาขมขื่นอยู่ในสถานะของตัวเอง 32,902 people

  12. ในเมื่อคนที่เราแอบชอบยังออน แล้วเราจะนอนได้ยังไง 31,407 others

  13. เมื่อก่อนไม่รู้ตัวว่าชอบจังหวัดไหน แต่พอเจอคุณแล้ว ถึงรู้ว่า…”รักเลย” 31,980 others

  14. “1 – 5″ อ่านว่า “หนึ่งถึงห้า” งั้น “คิด – เธอ” ล่ะ อ่านว่ายังไง 30,941 people

  15. ถ้าเราแอบเข้าไปส่องเฟสเค้าบ่อยๆอย่างไม่รู้ตัว….แสดงว่าเราอาจจะเริ่มชอบเค้าแล้วก็ได้นะ 30,425 people

  16. ถ้ามีคนมาแซวว่าทำไมยังหาแฟนไม่ได้อีกหล่ะ ให้ตอบไปอย่างมั่นใจครับว่า…. ”เราโสดเพื่อส่วนรวม!!” 29,935 people

  17. ยอมเป็นคนโสดไม่มีใครเอา ดีกว่าเป็นคนแก้แหงาเพื่อคั้นเวลา 29,353 others l

  18. ที่เห็นเงียบๆไม่ใช่ว่าหยิ่งหรืออะไร แค่มันรู้สึกหวั่นไหวจนพูดอะไรไม่ออก >< 28,646 people

  19. รีบหันกลับไปรักคนที่รักคุณ ก่อนที่คนที่รักคุณ….จะหันกลับไปรักคนที่รักเขา 28,067 people

  20. ได้โปรดอย่ามาทำดีเพื่อ “แกล้งรัก” เพราะคนอกหัก “แกล้งเจ็บ” ไม่เป็น 27,610 others

  21. ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์ ที่ใดมีมุก ที่นั่นมีรอยยิ้ม 27,277 others

  22. ถึงนามสกุลผมจะไม่ค่อยเพราะ แต่มันก็ดูเหมาะกับคุณนะ ;) 26,001 people